วันที่ 8 มี.ค. 2567 กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง พร้อมเครือข่ายสตรี นัดรวมตัวยื่นหนังสือ เนื่องในวันสตรีสากล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองไม่ให้ผู้หญิง เด็ก บุคคลในครอบครัว และบุคคลหลากหลายทางเพศ ถูกกระทำรุนแรงหรือปฏิบัติไม่เป็นธรรม 6 ข้อ สรุปสั้นๆ ได้แก่
1.ขอรัฐบาลรับประกันสิทธิลาคลอด 180 วัน (หรือ 6 เดือน) และให้ได้รับค่าจ้างตลอดการลา พร้อมทั้งให้ คู่ชีวิต ไม่ว่าจะเพศอะไร สามารถลาเพิ่มในการหยุดเลี้ยงลูกได้ 30 วันเป็นอย่างน้อย
8 มีนาคม “วันสตรีสากล” รำลึกการเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียมของผู้หญิง
ปักหมุด 8 มีนาคม จัดงาน “วันสตรีสากล” ทั่วประเทศ
2. รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน กำชับ ดูแลอย่างเข้มงวด ให้นายจ้างปฏิบัติตามกฏหมาย
3. ยกเลิกนโยบาย กฎหมาย ธรรมเนียม ที่เลือกปฏิบัติต่อสตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น การตรวจครรภ์ก่อนเข้าทำงาน, การตีตราผู้ต้องการยุติการตั้งครรภ์ ว่าเป็นคนบาป หรืออาชญากร, การตีตราผู้ขายบริการทางเพศ
4.ให้ปัญหาการคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว ความเกลียดชังต่อผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นวาระเร่งด่วน ต้องรีบแก้ไข
5. รัฐบาลและนายจ้างต้องเพิ่มสิทธิลาเมื่อมีประจำเดือน อย่างน้อยเดือนละ 2 วัน และเพิ่มวันลาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การอนามัยเจริญพันธุ์ เช่น การยุติการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด การตรวจครรภ์การฝากครรภ์ และการข้ามเพศ
6. ขอให้ทั้งรัฐบาล และนายจ้าง แจกจ่ายผ้าอนามัยฟรี ขยายบริการ การยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย และขอให้มีห้องน้ำสาธารณะสำหรับ แรงงานสตรีที่ทำงานบนท้องถนน
ที่สำคัญ เรียกร้องให้รัฐบาล ให้เรื่อง การยุติความรุนแรงทางเพศ เพศสภาพ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย
ด้าน น.ส.ติมาพร เจริญสุข ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานสตรี ระบุว่าก่อนหน้านี้ พ.ร.บ.เรื่องลาคลอดถูกบรรจุเข้าไปในสภาแล้ว ให้กลุ่มแรงงานมีหวัง ซึ่งไม่หวังที่จะได้วันหยุดถึง 180 วัน แต่ขอให้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ไม่ใช่แค่ 98 วัน เพราะไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูบุตร
ขณะที่ น.ส.ชนฐิตา ไกรศรีกุล ตัวแทนกลุ่มฯ บอกว่า ปีนี้ ไม่ได้มาเรียกร้องแค่วันสตรี แต่รวมถึงกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไว้ด้วย แต่วันนี้ที่มา แล้วถูกกันไว้ไม่ให้เข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะประสานมาอย่างถูกต้อง การที่เจ้าหน้าที่รับมือแบบนี้ ไม่น่าเกิดขึ้น
ขณะที่ความเคลื่อนไหวการเมืองในทำเนียบรัฐบาล วันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. ระหว่างถูกพักโทษว่า ขั้นตอนการถูกพักโทษถ้าไม่นอนที่บ้านพักที่แจ้งไว้กับกรมคุมประพฤติ ก็ต้องขออนุญาตว่าจะเดินทางไปไหนอย่างไร ถ้าไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศก็สามารถขออนุญาตได้ โดยมีการกำหนดกรอบระยะเวลา และต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่าการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ของนายทักษิณ จะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือมีนัยสำคัญกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ก็แล้วแต่คนถามและสังคมจะคิด ตนไม่ทราบเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งกรณีของนายทักษิณไม่ได้แตกต่างจากนักโทษคนอื่น เป็นปกติของการพักโทษ เพียงแต่คนอื่นไม่มีสื่อมวลชนไปตาม
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ฝ่ายตรงข้ามหรือกลุ่มเห็นต่าง จะนำประเด็นนี้มาโจมตี เพราะเกี่ยวกับรัฐบาลด้วย นายสมศักดิ์ เชื่อว่าจะตอบคำถามได้ ก็คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร
8 มีนาคม “วันสตรีสากล” รำลึกการเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียมของผู้หญิง
แฟนการ์ตูนอาลัย “โทริยามะ อากิระ” ผู้สร้าง “ดราก้อนบอล” เสียชีวิตแล้ว