วันที่ 27 มี.ค. 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังสืบนครบาล ร่วมติดตามจับกุมตัว นายเศรษฐยศ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เจ๊เก่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด อายุ 42 ปี นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ คือหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.318/2564 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 2564 ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและพยายามจำหน่าย”
และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.189/2564 ลงวันที่ 12 ต.ค. 2564 ข้อหา “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ-เมทแอมเฟตามีน)” ประวัติถูกดำเนินคดียาเสพติดกว่า 4 คดี
1.ปี 2557 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ครอบครองยาเสพติด (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
2.ปี 2560 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
3.ปี 2562 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง” พื้นที่ สน.บางโพงพาง
4.ปี 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
โดยทั้งสองถูกแจ้งข้อหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย ตรวจยึดของกลาง จำนวน 10 รายการ
1.ยาเสพไอซ์ ประมาณ 100 กรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย)
2.คีตามีน จำนวน 2 ถุง
3.เงินสด 31,500 บาท
4.สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม (พบเงินหมุนเวียน 1.3 ล้านบาทใน 3 เดือนที่ผ่านมา)
5.ถุงยางอนามัย จำนวน 200 ชิ้น
6.เจลหล่อลื่นบรรจุซอง จำนวน 100 ซอง
7.ไวอากร้า จำนวน 50 ซอง
8.เข็มฉีดยาพร้อมสายยางรัด จำนวน 100 เข็ม
9.External drive จำนวน 6 อัน (บรรจุหนังลามกประเภทชายรักชายรวม 6 TB)
10.อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งอีกหลายรายการ
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่หนึ่งคอนโดมิเนียม ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี โดยนายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า “ปัจจุบันตน ประกอบอาชีพรับราชการครู ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา เริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี 2566และ สั่งยาเสพติดผ่านแพลตฟอร์มทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี 2567 นำมาขายให้เพื่อน วัยรุ่น และ ข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศ จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการครูอยู่และยังขายยาเสพติดไปด้วย และ ได้รู้จักกับนายท็อป เมื่อประมาณเดือนมิ.ย.2566
ด้าน นายท็อป รับสารภาพว่า หลังการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านรังสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ประกอบอาชีพออแกไนซ์จัดงานเป็นระยะเวลา 1 ปี จึงได้เรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวันจนจบ ได้ประกอบอาชีพอยู่ที่บริษัทประกัน
จากนั้นเริ่มใช้ยาเสพติด จนชีวิตเริ่มดำดิ่ง กระทั่งถูกดำเนินคดีขณะเสพยาอยู่กับกลุ่มเพื่อนในปี 2557 ติดคุกอยู่ 1 ปี 3 เดือน หลังจากออกมาจากเรือนจำในปี 2558 พยายามหางานเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของทางบ้านแต่ไม่สามารถหางานได้เนื่องจากเคยติดคุกมาก่อน จึงหวนกลับมาในเส้นทางเดิมโดยการเริ่มขายยาเสพติด จนเริ่มคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มซึ่งประกอบอาชีพแพทย์มา 2 คน และได้เลิกรากันโดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ไปหลอกลวงเหล่าแพทย์ชาย แต่เพราะพวกหมอเหล่านั้นติดยาเสพติดที่ตนเอาไปให้เอง
ต่อมาได้รู้จักกับครูเก่ง และตนก็มารับยาจากครูเก่งไปขายเป็นประจำ โดยขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนในที่สุดถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวส่งศาลแต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ได้หลบหนีในขณะที่ศาลให้ประกันตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี จนมาถูกจับในวันนี้”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สภาฯ โหวตผ่านร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
ผู้เชี่ยวชาญชี้ เรือชนสะพานบัลติมอร์จนถล่ม เป็นเรื่อง “ผิดปกติ”
10 เม.ย.นี้ ดิจิทัล วอลเล็ต ชัดเจนทุกอย่าง สมบูรณ์ ตอบโจทย์ทุกฝ่าย