ติดตามความคืบหน้าคดีฝรั่งเตะหมอ นำไปสู่การเพิกถอนวีซ่านายเดวิด หรือ Mr.URS BEAT FEHR ผู้ต้องหาคดีทำร้ายหมอปาย หรือหมอธารดาวแล้วนั้น
ล่าสุด แพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอธารดาว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ตอนนี้กังวลเรื่องคดีความ เพราะ รู้สึกว่ามีลับลมคมในบางอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ มีตำรวจโทรศัพท์มาหาตน อ้างว่ามีเอกสารด่วนต้องเซ็น ตนแจ้งไปว่า ทนายความของตนติดธุระ ขอเลื่อนไปก่อน แต่ตำรวจบอกว่า ไม่เป็นไร เป็นเอกสารเกี่ยวกับที่ดินพิพาท และนำเอกสารมาให้ตนเซ็น ซึ่งตนก็ดูเอกสารแล้วก็เซ็นไป
หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม มาพูดคุยกับตนว่า ตอนแจ้งความตำรวจดำเนินคดีเป็นความผิดอาญา มาตรา 295 คือ ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่เจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม ถามว่า ตนบาดเจ็บตรงไหน ตอนนี้ ตนยังเจ็บอยู่ไหม ตนก็ตอบไปว่า ไม่เจ็บ แต่ตนมีผลกระทบทางด้านจิตใจ มีอาการหวาดผวา ซึ่งเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม ก็บอกว่า ข้อหาอาจไม่เข้ามาตรา 295 แต่จะเป็น มาตรา 391 คือ ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ตนรู้สึกติดใจสงสัย ทำไม ตำรวจถึงโทรศัพท์เร่งรีบให้ตนมาเซ็นเอกสาร และ ยังพาตนไปพบเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมถึงสำนักงาน โดยไม่มีทนายความ
ส่วนสภาพจิตใจ ถ้าเป็นช่วงกลางวันทำงานปกติดี เหมือนไม่มีอะไร แต่กลางคืน ฝันร้าย หวาดผวา หวาดกลัว และ มีอาการวิตกกังวล ตนตัดสินใจ ไปพบจิตแพทย์ แพทย์วินิจฉัยว่าหมอปาย อยู่ในภาวะ PTSD หรือ ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งตอนนี้ตนมีนัดที่ต้องเข้าพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการบำบัด ให้ไปรับใบรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐเพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี
ด้าน เฉลิมพงศ์ แสงดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ก็รู้สึกเช่นกันกับหมอปาย ว่า ทางเจ้าหน้าที่พยายามทำสำนวนให้อ่อน มีการช่วยเหลือกันหรือไม่ วันนี้ตนร่วมประชุมกับอนุกรรมการท่องเที่ยว กรณีชาวต่างชาติที่มีนิสัยเกเร และได้ถามถึงกรณีของเดวิด ท่านผู้ว่าชี้แจงว่าเพิกถอนวีซ่าแล้วส่วนสำนวนคดีก็ส่งไปยังศาล แต่เราต้องไปไล่ตั้งแต่ต้นว่าสำนวนทำร้ายร่างกายเป็นโทษหนักแต่ว่าทำไมรูปคดีจึงออกมาในแนวทางอ่อนเป็นแค่ลหุโทษ
เฉลิมพงศ์ ยังบอกว่า อยากให้หลายๆท่านช่วยกัน ติดตามไม่ให้เงียบหาย อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ต้องคำนึงถึงความสงบเรียบร้อย ตระหนักถึงความปลอดภัยและความสุขของคนไทยในพื้นที่เป็นหลัก
ด่วน! ยื่นขอศาลออกหมายจับ “บิ๊กโจ๊ก”หลังออกหมายเรียก 3 ครั้ง
“น้องฑีฆายุ” เผยเคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษ ไม่เรียนอินเตอร์แต่เป๊ะ “แอนนี่ บรู๊ค” สู้เพื่อลูก
“หลานม่า” ภาพยนตร์ที่เตรียมเรียกน้ำตา หลานทั่วประเทศ 4 เม.ย.นี้ ในโรงภาพยนตร์