เรื่องในวงการสีกากี ยังมีให้ติดตามต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 30 เม.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีประชุมข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) หนึ่งในวาระที่ถูกนำเสนอในที่ประชุมคือการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร. ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะดึงผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.ขึ้นมาแทน
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร หรือบิ๊กต่าย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการประชุมข้าราชการตำรวจ ที่มีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาล บิ๊กต่ายยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้เชิญไปพบ
ส่วนที่มีประเด็นว่าจะมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.โดยการดึงผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.ขึ้นมา ยืนยันว่ายังไม่มี ตอนนี้เป็นการประชุมเรื่องนายพลที่จะเกษียณอายุราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งใช้ข้อกำหนด ก.ตร.ปี 2566 ผ่านมติเห็นชอบเพื่อนำมาใช้
อีกหนึ่งประเด็นคือกรณีที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) ใน 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องการเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และอีกหนึ่งประเด็นเรื่องสำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์ที่ไม่ส่งให้ ป.ป.ช.ตามกรอบเวลา 30 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการนำประเด็นเรื่องร้องเรียนของบิ๊กโจ๊กเข้าที่ประชุมด้วยหรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่าเรื่องนี้เป็นวาระที่ฝ่ายเลขานุการได้กำหนดไว้ เป็นเรื่องของการประชุม ตนคงไม่ออกมาเปิดเผยอะไร และถ้ามีการเสนอวาระก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตนคงไม่ได้เข้าพิจารณาด้วย
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ ส่วนตัวยืนยันว่าไม่กังวลและยังมั่นใจว่าในฐานะรักษาราชการแทนก็ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ เมื่อถอยหลังกลับไปก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริการ โดยกองวินัย ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนรายงานต้องคดีของบิ๊กโจ๊ก และเสนอความเห็นให้ตนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ส่วนเรื่องร้องเรียนตอนนี้มีกี่เรื่องตนยังไม่ทราบ
ส่วนความคืบหน้าคดีของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง บิ๊กต่ายบอกว่าตอนนี้ตนได้สอบถามความคืบหน้าจาก พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่ ได้รับทราบเพียงเท่านี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าลูกน้องบิ๊กโจ๊กร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกาย ประเด็นนี้บิ๊กต่ายบอกว่าตนยังไม่ทราบ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็มีหลายช่องทางที่จะติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ร้องเรียนตามระบบต่อผู้บังคับบัญชาของ ตร. ก็ได้
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 ว่า นอกจากการประชุมแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. แล้ว ที่ประชุมยังได้หารือกรณีที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร. กรณีมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งมติที่ประชุมได้พิจารณาแล้วว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา จึงมอบหมายเรื่องดังกล่าวให้กองวินัยและฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาตรวจสอบให้รอบคอบเพื่อให้มีข้อสรุป และเสนอมายังที่ประชุม ก.ตร.ในครั้งต่อไป โดยยืนยันว่าจะดำเนินการพิจารณาให้เป็นไปตามหลักยุติธรรมและโปร่งใสที่สุด
ก่อนนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่บิ๊กโจ๊ก ระบุว่า นายกรัฐมนตรีถูกหลอกให้เซ็นคำสั่งส่งตัวบิ๊กโจ๊กที่ปฏิบัติราชการอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่บิ๊กต่ายจะลงนามในคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจริงหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว และเดินขึ้นรถกลับออกไปจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปทันที
ความเคลื่อนไหวของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ล่าสุดได้นำหลักฐาน ที่อ้างว่า มาดามระดับ VVVIP และ สารวัตรสาวหล่อ สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกันฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนัน มามอบให้กับ ปปง.ตรวจสอบ และขอให้อายัดทรัพย์สินไว้ก่อน ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า มาดามระดับ VVVIP รับเงินจาก ดาบยาว-รองฟาง เป็นประจำทุกเดือน ตั้งแต่ 59,000-159,000บาท
นอกจากมาดาม VVVIP และสารวัตรสาวหล่อ ทนายตั้ม ยังนำหลักฐานความเชื่อมโยงเว็บพนันของ ดาบยาว-รองฟาง และครอบครัว รวมถึงบัญชีม้า ที่เกี่ยวข้อง มาให้ ปปง.ตรวจสอบและทำการยึดอายัดทรัพย์สินไว้ด้วย ยกตัวอย่าง ครอบครัวของดาบยาว ที่ตัวเองมีข้อมูลว่านำเงินจากเว็บพนันไปทำรีสอร์ท ชื่อ “พาขวัญ” และซื้อบ้านขนาดใหญ่ ที่สามารถจอดรถได้นับ 10 คัน ในจังหวัดลพบุรี รวมถึงพบว่ามีการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตราคาสูง โดยใช้ชื่อของภรรยาดาบยาวเป็นผู้ซื้อ จึงอยากให้ทางคณะกรรมการ ปปง.เร่งตรวจสอบบุคคลกลุ่มนี้และยึดอายัดทรัพย์ ก่อนที่จะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินหลบหนีไปก่อน