จากเหตุการณ์ "น้องมาร์ติน" เด็กชายวัย 9 เดือน ถูกสาวประเภทสองลักพาตัวไปไกลถึง จ.ระยอง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือกลับสู่อ้อมกอดครอบครัวอย่างปลอดภัย ซึ่งมีข้อมูลว่าน้องมาร์ตินไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แต่อยู่ในความดูแลของปู่ย่า
โดยวันนี้ น้องมาร์ติน กลับมาอยู่กับปู่และย่า ภายในบ้านสังกะสีชั้นเดียวในแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นบ้านขนาดเล็ก ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว ห้องห้อง อยู่ภายในนี้ทั้งหมด ห้องนอนของปู่และย่าน้องมาร์ตินเป็นห้องเล็กๆ มีพัดลมแค่ 2 ตัว และตู้เย็นเก่าๆ 1 เครื่องที่ใช้การไม่ค่อยได้
ทีมข่าวพูดคุยกับปู่ของน้อง เล่าว่า ส่วนตัวมีลูกชายทั้งหมด 5 คน พ่อของน้องมาร์ติน เป็นลูกคนเล็กสุด อายุ 18 ปี โดยย้อนไปเมื่อประมาณปีก่อน ลูกชายคบหาดูใจกับแฟนสาว (แม่น้องมาร์ติน) มาได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่แฟนสาวของลูกชายจะตั้งครรภ์ แต่พอคลอดน้องมาร์ตินได้ไม่กี่เดือน แม่เด็กก็ทิ้งน้องมาร์ตินกลับ สปป.ลาวไป ลูกชายจึงเลี้ยงด้วยตัวคนเดียว แต่เพราะความที่ลูกชายอายุเพียงแค่ 18 ปี ไม่มีความรู้ในด้านการเลี้ยงเด็กเลย จึงสงสารหลาน บอกกับลูกชายว่าเดี๋ยวเลี้ยงให้ ก่อนจะนำน้องมาร์ตินมาเลี้ยงดูเอง
ปู่ของน้องมาร์ติน บอกว่า ตนเองทำงานก่อสร้างคนเดียวอาศัยพักในไซต์งานก่อสร้าง รายได้เป็นรายวัน ส่วนย่าไม่ทำงานเพราะต้องเลี้ยงน้องมาร์ติน เนื่องจากไม่มีเงินจ้างพี่เลี้ยง ยอมรับว่าก็อดมื้อกินมื้อ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะตนไว้ใจผู้ก่อเหตุ เห็นว่าเป็นคนรักเด็ก มักจะมาเล่นกับน้องอยู่เป็นประจำช่วงเวลาที่น้องมาร์ตินหายไป เป็นช่วงที่ทุกข์ทรมารกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนถึงขณะที่ตอนนี้ที่ได้ตัวน้องกลับมาแล้ว ก็ยังกินข้าวไม่ลง
หลังจากเกิดเหตุก็ไม่กล้าที่จะไว้ใจใครอีก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายของตน หรือฝั่งแม่เด็ก หากจะมารับน้องมาร์ติน ไปเลี้ยงตนก็จะไม่ให้ และส่วนตัวก็คิดว่า แม่น้องมาร์ติน ไม่น่าจะจำลูกได้ เพราะทิ้งไปตั้งแต่น้องมาร์ตินยังเด็ก
เมื่อพูดถึงลูกชายหรือพ่อของน้องมาร์ติน ปู่ของน้อง มีน้ำเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า บอกว่า ไม่ได้ติดต่อกับลูก นานๆ ลูกถึงจะโทรศัพท์มาหาขอพูดคุยกับน้องมาร์ติน ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้ติดต่อไปหาลูกชาย เพราะครั้งล่าสุดที่ติดต่อไปขอค่านมน้องมาร์ติน ลูกชายก็ปฏิเสธที่จะให้เงิน โดยให้เหตุผลว่าใช้เงินไปกับเทศกาลสงกรานต์จนหมดแล้ว
ทีมข่าวสอบถาม ชาวบ้านในละแวกนั้นก็รู้จักน้องมาร์ตินกันเป็นอย่างดี และช่วยกันเลี้ยงดูน้องมาร์ติ เพราะรู้สึกสงสาร โดยนางสุพัภชา โสภาพรรณ แม่ค้าขายอาหารตามสั่งในซอย เล่าว่า ปู่กับย่าของน้องมาร์ตินมักจะอุ้มน้องมาร์ตินออกมาเดินเล่นอยู่บ่อยครั้ง เป็นเด็กน่ารักสดใสไม่ใช่เด็กงอแง ใครอุ้มน้องมาร์ตินก็ร้องไห้ใส่ คนในซอยมักจะซื้อขนมให้น้องมาร์ติน เพราะสงสาร ส่วนตัวรู้แค่ว่า พ่อแม่แยกทางกันเหลือเพียงแค่ปู่กับย่าที่คอยดูแล ซึ่งทั้งปู่และย่า ก็มีรายได้ไม่มาก
ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูล พบว่าพ่อของน้องมาร์ติน ทำงานอยู่ตลาดแห่งหนึ่ง ภายในซอยประชาอุทิศ 33 จึงตามไปหา พบว่า มีอาชีพรับจ้างขายของรายวัน จากการพูดคุย เจ้าตัวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อคืนนี้ และก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ขึ้น พร้อมบอกว่าไม่รู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อน และ ยังบอกอีกว่าน้องมาร์ติน เป็นเด็กน่ารัก ใครอุ้มก็ไม่เคยร้อง
พร้อมเล่าย้อนว่า คบหาดูใจแม่ของน้องมาร์ติน ซึ่งมีสัญชาติลาวได้ประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะมีน้องมาร์ติน ตนพาแฟนสาวกลับไปคลอดที่ สปป.ลาว เพื่อลดค่าใช้จ่าย หลังจากนั้นก็พาน้องมาร์ตินกลับมาอยู่ที่กรุงเทพแต่หลังจากน้องมาร์ติน อายุได้ 3 เดือน ก็เลิกรากับแฟนสาว ซึ่งตอนนี้กลับไปอยู่ที่ สปป.ลาว และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้อดีตแฟนสาวก็ไม่รู้เรื่องว่าลูกชายถูกอุ้มไป
หลังจากแยกทางกับแฟนสาว ตนต้องออกมาทำงานหาเงิน ไม่สามารถนำน้องมาร์ตินมาอยู่ด้วยได้ จึงฝากให้ปู่น้องมาร์ตินเลี้ยง ซึ่งยอมรับว่าไม่ค่อยได้กลับไปหาลูก มีติดต่อกับลูกบ้างบางครั้ง เพราะต้องทำงาน และเมื่อถามว่า เคยส่งเงินไปดูแลค่าใช้จ่ายของลูกบ้างหรือไม่ นายสายัณห์ ระบุว่า ถ้าหากมีก็จะส่งไปให้ลูกบ้านบางครั้ง
กาแฟสด กับ กาแฟสำเร็จรูป แบบไหนมีคาเฟอีนมากกว่ากัน?
ประวัติ "เศรษฐพุฒิ" ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ คนที่ 24 ของธนาคารแห่งประเทศไทย
วิเคราะห์บอล! แชมเปี้ยนส์ ลีก เรอัล มาดริด พบ บาเยิร์น มิวนิค 8 พ.ค.67