หลังจากที่ชุดจับกุมสืบนครบาลนำโดย "สารวัตรแจ๊ะ" เข้าจับกุม นายภูมิพัฒน์ หรือ นายบู๊ อายุ 41 ปี ซึ่งมีหมายจับศาลอาญามีนบุรี และมีประวัติเคยถูกดำเนินคดี 8 คดี โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้วนั้น
ช่วงที่จับกุม นายบู๊ ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร และยังยอมรับว่า รู้ตัวอยู่แล้วว่าทางชุดจับกลุ่มของสารวัตรแจ๊ะเข้ามาจับกุม เพราะมีคนบอก โดยที่สารวัตรแจ๊ะเรียกว่า "ผี" น่าจะเป็นคนจากบ่อนการพนันที่ นายบู๊ ไปพักอาศัย
สารวัตรแจ๊ะ ยังบอกด้วยว่า คนที่ดูไลฟ์สดที่ นายบู๊ ท้าทายกับระบบไม่ใช่สารวัตรแจ๊ะ แต่เป็น พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล
จากนั้น ชุดจับกุมนำตัว นายบู๊ มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยในวันที่ 22 มิถุนายน 2567 พลตำรวจตรีธีรเดช หรือ ผู้การจ๋อ ได้สอบปากคำ นายบู๊ ด้วยตนเอง
ระหว่างควบคุมตัว นายบู๊ ไปสอบปากคำ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นายบู๊ กล่าวว่า อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยืนยันว่าไม่เคยบุกบ้านไปขโมยของ เพราะบ้านหลังนั้น ชื่อตนอยู่ในทะเบียนบ้านย้ายเข้ามา 15 ปีแล้ว ตนเข้าออกเป็นปกติ และไม่รู้ว่ารองเท้าหายได้อย่างไร เพราะช่วงนั้นตนถูกจับไปขัง 5 เดือนกว่า ไม่ได้ดูแลบ้านไม่รู้ว่ามีอะไรหายบ้าง
ซึ่งการที่ตนไปที่บ้าน ก็แค่ไปถ่ายรูป โดยตนไปหาเพื่อนแถวนั้น เลยแวะดูบ้านน้องสาวด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่ได้เข้าไปยังอยู่หน้าบ้านเป็นพื้นที่สาธารณะ
ส่วนกับแจง ปุณณสา ภรรยา แจ๊ส ชวนชื่น ซึ่งเป็นน้องสาว นายบู๊ บอกว่าไม่เคยมีปัญหาหรือโกรธเคืองกันมาก่อนอาจกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กน้อย ส่วนที่ตนไลฟ์เป็นเพียงแค่การเหน็บแนมเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากันเรื่องเงิน พร้อมบอกว่าจริง ๆ แล้วตนมีปัญหากับอีกคนหนึ่งที่คุณแจงรู้จัก
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรอยากฝากไปถึง แจง หรือไม่ นายบู๊ ระบุว่า ไม่มีอะไรจะคุยเนื่องจากตัดญาติกันไปแล้ว พร้อมบอกว่า การที่แจงและแม่เลี้ยงต้องอยู่อย่างหวาดระแวงเนื่องจากกลัว นายบู๊ มองว่าฝั่งคู่กรณีน่ากลัวมากกว่า พร้อมอ้างว่าเมื่อ 7-8 เดือนก่อน มีคน 2 คนใส่หมวกกันน็อกขี่รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พกปืนมาที่บ้านตน ตนก็ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.มีนบุรี ส่วนจะเป็นใครจ้างวานมานั้นให้ไปถามคุณแจง
อย่างไรก็ตาม นายบู๊ ก็ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณแจงเคยช่วยเหลือกันมา
เมื่อถามว่า หลังจากพ้นคดีไปจะไปวุ่นวายกับทางบ้านอีกหรือไม่ นายบู๊ ตอบว่า บอกไม่ได้ แต่ตนจะอยู่ในที่ของตน ถ้าไม่ถูกรังแก ก็ใช้ชีวิตปกติ และย้ำว่าตนไม่เคยท้าทายตำรวจ ไม่ได้พูดว่าถ้าไม่ถูกจับ จะกลับมายิง และรู้สึกผิดแล้ว ไม่ได้ท้าทายกับระบบ
ขณะที่ พลตำรวจตรีธีรเดช เผยว่า คดีนี้ สืบนครบาล ได้รับการขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย รวมถึงมีประชาชนแจ้งว่าผู้ต้องหาได้ไลฟ์ท้าทายตำรวจ ท้าทายอำนาจรัฐ ท้าทายระบบว่าไม่สามารถจับกุมได้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงสั่งการให้จัดชุดสืบสวน ไปติดตามจับกุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีหมายจับในพื้นที่ สน.มีนบุรี
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน และมีพฤติกรรมข้ามไปข้ามมาบริเวณพรมแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงได้ส่งกำลังไปและประสานขอความร่วมมือกับตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วเข้าจับกุมตัว
พลตำรวจตรีธีรเดช ยอมรับว่า ชุดสืบสวนนำโดยสารวัตรแจ๊ะ และทีมงานต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าจับกุมผู้ต้องหา เพราะผู้ต้องหามีสายลับคอยรายงานความเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นสายลับที่เป็นพรรคพวกบ่อนการพนันในพื้นที่ดังกล่าว แต่ท้ายสุด ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวได้ เพราะผู้ต้องหายังคงไลฟ์ข่มขู่ผู้เสียหายอยู่ทุกวัน ส่วนบุคคลที่ให้การช่วยเหลือก็อยู่ระหว่างการขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ขณะที่จับกุมผู้ต้องหายังมีท่าทีท้าทายกับระบบอยู่ บอกว่าถ้าไม่ได้ถูกจับ ก็จะกลับมาเอาคืนผู้เสียหาย ซึ่งปกติแล้วคนร้ายที่หนีหมายจับ ควรต้องมีความเกรงกลัวกฎหมาย ไม่ใช่ท้าทายให้จับกุม อย่างไรก็ตาม หลังจากได้พูดคุยกับตำรวจตอนนี้ผู้ต้องหาก็มีท่าทีสำนึกมากขึ้น
โดยจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ แต่ก็ได้ให้การเป็นประโยชน์ ส่วนที่ผู้ต้องหา เคยแจ้งความที่ สน.มีนบุรีไว้ ที่ถูกบุคคลปริศนาขี่รถพกอาวุธมาที่บ้านตนก็เพิ่งทราบ ซึ่งตำรวจก็รับฟังแต่ต้องมีการตรวจสอบก่อนเพราะเบื้องต้นประวัติของผู้ต้องหาพบว่า เคยมีคดีความถึง 8 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีอุกฉกรรจ์
ขณะที่คดีที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมฐานลักทรัพย์ในวันนี้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีไปตามขั้นตอน แม้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่การที่ศาลออกหมายจับก็แปลว่ามีพยานหลักฐานพอสมควร
นอกจากนี้ ภายหลังจับกุมตัว แจ๊สและแจง ยังโทรศัพท์มาหาตนโดยตรง โดยขอบคุณและต้องการจะมอบรางวัลนำจับให้ เพราะก่อนหน้านี้มีความทุกข์ใจมาก จากการไลฟ์ที่มีการข่มขู่ แต่ตำรวจก็ยืนยันว่าไม่รับ เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว