วันที่ 28 มิ.ย. 2567 พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Aek Angsananont ระบุว่า “ตั้งแต่มีกรณีที่ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทั้งอาญาและวินัย มีการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหลายกรณี ซึ่งสื่อมวลชนได้ติดตามและประชาชนก็สนใจอย่างกว้างขวาง
ผมได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หลายช่อง และมีการแพร่กระจายไปทางสื่อโซเชียลอีกมากมาย
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เวลา 15.00 น. มีการประชุม ก.ตร. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในที่ประชุม ที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีวาระเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่ ตร.มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจและให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเกี่ยวพันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวก
ผมทราบในที่ประชุมว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องต่อประธาน ก.ตร.คัดค้านผมไม่ให้เข้าร่วมประชุมพิจารณาในวาระนี้ เพราะมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้เสียความเป็นกลางในการพิจารณาเรื่องนี้จากการที่ผมได้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โน้มน้าวชักจูงให้ ก.ตร.มีมติในทางที่เสียหายกับผู้ร้อง
ผมได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ก.ตร. ว่า ผมไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ร้องมาก่อนแต่อย่างใด ผู้ร้องสนิทสนมคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี ได้เคยโทรศัพท์มานัดหมายเพื่อขอมาพบผม ทั้งที่บ้านพักส่วนตัวและที่ทำงาน ก.ตร.
ทุกครั้งก็จะมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับบุคคลที่สาม ซึ่งบางคนเป็นบุคคลสำคัญระดับสูง รวมถึงนายตำรวจท่านอื่น ๆ ทั้งอดีตและปัจจุบันนับ 10 ท่าน ซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ได้แต่รับฟังและบันทึกไว้
ส่วนเรื่องที่ผมให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อสื่อมวลชน เป็นไปตามสิทธิพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่มีเจตนาก้าวล่วงไปก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ใดทั้งสิ้น
หลังจากชี้แจง ผมได้ออกจากห้องประชุมไป และกลับเข้ามาในห้องประชุมเมื่อ ก.ตร.ที่เหลืออยู่พิจารณาลงมติให้ผมเข้าร่วมประชุมพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปได้ ในวาระการประชุมดังกล่าวจนเสร็จสิ้น
ผมขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดหลักคุณธรรม ความถูกต้อง และมีวุฒิภาวะในการแสดงความคิดเห็นตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
หลังพล.ต.อ.เอก โพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ ทีมข่าวจึงติดต่อโทรศัพท์ไปสอบถาม บิ๊กเอก ว่า มีเหตุโกรธเคืองอะไรกับบิ๊กโจ๊กหรือไม่ ถึงขนาดบิ๊กโจ๊กยื่นนรื่องต่อประธาน ก.ตร.คัดค้านไม่ให้เข้าร่วมประชุมก.ตร.เมื่อ 26 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอกก็บอกว่า ส่วนตัวไม่มีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกับบิ๊กโจ๊กไม่มีปัญหาส่วนตัวอะไรนะ และที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊กก็ยังโทรศัพท์มาหาและขอมาพบที่บ้านอยู่เลย แล้วตัวเองก็คุ้นเคยกับบิ๊กโจ๊กมาตั้งแต่ยังเด็กไปจนถึงรุ่นพ่อ ก็ให้คำแนะนำไปแล้วว่าจะพูดอะไรก็ควรจะต้องมีวุฒิภาวะ สั่งสอนไปในฐานะที่เป็นพี่ บิ๊กโจ๊กเป็นคนเก่งไม่มีใครมา กลั่นแกล้งรังแกได้หรอก จะเกิดอะไรขึ้นก็น่าจะเกิดจากตัวเองทั้งนั้น
ส่วนที่บิ๊กโจ๊ก พาดพิงว่า มีตำรวจอาวุโสท่านหนึ่งเคยมานั่งร้องไห้ด้วยเพราะไม่ได้ขึ้นเป็นผบ.ตร.ใช่พล.ต.อ.เอกหรือไม่ พล.ต.อ.เอก บอกว่า ไม่เคยไปนั่งร้องไห้กับใคร แล้วคนยศนายพล จะไปนั่งร้องไห้กับตำรวจยศ นายพันทำไม
นอกจากนี้พล.ต.อ.เอก ยังเตือนบิ๊กโจ๊ก ด้วยว่า ที่บิ๊กโจ๊กบอกว่าจะฟ้อง นายกฯ ฟ้อง ก.ตร.ทั้งคณะ พล.ต.อ.เอก บอกว่า ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็คิดว่าไม่ควรจะรีบฟ้อง ให้ใจเย็นๆรอผลการวินิจฉัยของ คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมฯ ก่อนดีกว่า เพราะหากผลการพิจารณาออกมาแล้วเป็นคุณกับบิ๊กโจ๊ก ก็สามารถกลับเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง และกลับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้เลย แต่การที่บิ๊กโจ๊ก ไล่ฟ้องทุกคนแบบนี้ก็ยังมองภาพไม่ออกเหมือนกัน ว่าหากท่านกลับมาเป็นแคนดิเดต ก.ตร. ในฐานะที่เป็นคนเลือก ผบ.ตร. จะเลือกกันยังไงในเมื่อถูกฟ้องกันหมด
เนื้อเพลง ROCKSTAR - LISA อังกฤษ - แปลไทย
มัดรวมหนี้ข้าราชการเป็นก้อนเดียว ผ่อนได้นานสุดถึงอายุ 80 ปี
แซ่บตาแตก! 40 สาวงาม "รอบชุดว่ายน้ำ MUT 2024" ศุกร์ 28 มิ.ย.นี้