อันเป็นดั่งแสงสว่างแห่งวงการศิลปะ และภูมิปัญญาไทย แต่อีกหนึ่งโครงการสำคัญ และทรงคุณค่าแก่การศึกษาเรียนรู้นั่นคือ "โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ" ที่เป็นแหล่งเรียนรู้มีชีวิตถ่ายทอดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนถึงพระปณิธานอันแน่วแน่ในการช่วยเหลือราษฎร เปลี่ยนชีวิตของผู้คนในชนบทห่างไกล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
"โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ" เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2540 ณ บ้านขุนแตะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ จุดประสงค์หลักคือการสร้างงาน สร้างรายได้ และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความยากจน โดยโครงการฟาร์มตัวอย่างไม่เพียงแต่เป็นแหล่งจ้างงานเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมแบบครบวงจร ทั้งการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และการประมง นอกจากนี้ ยังส่งเสริมงานด้านศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นไปพร้อม ๆ กัน ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่ได้รับรายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่ยังได้รับความรู้และทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในที่ดินของตนเองได้อีกด้วย
ความสำเร็จของโครงการฟาร์มตัวอย่างแห่งแรกนี้ ได้นำไปสู่การขยายผลไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ปัจจุบันมีโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ แต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและวิถีชีวิตของชุมชนในแต่ละพื้นที่ แนวคิดสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการฟาร์มตัวอย่างและโครงการในพระราชดำริอื่น ๆ คือหลักการ "ขาดทุนคือกำไร" หนึ่งในหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งสะท้อนผ่านพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งที่มีผู้ถวายงานกราบบังคมทูลถึงข้อจำกัดในการจ้างคนงานเพียง 40 คนเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน พระองค์ทรงมีรับสั่งด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาว่า "อย่ามาพูดเรื่องกำไรขาดทุนกับฉันนะ ฉันต้องการให้คนจนมีงานทำมากๆ ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน" สะท้อนให้เห็นถึงพระปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎร โดยยึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และมองข้ามผลกำไรทางธุรกิจเพื่อมุ่งสู่ "กำไรแห่งแผ่นดิน" อันเป็นความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างแท้จริง
"เทพบิว" ภูริพล เข้าชิงชนะเลิศ วิ่ง 100 เมตร กรีฑาเยาวชนโลก
“พีพีทีวี” พร้อมยิงสด! พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024
มรสุมกำลังแรงขึ้น-ร่องมรสุมเลื่อนต่ำลง จับตาหย่อมความกดอากาศต่ำ!
"กำไรของแผ่นดิน" ในพระราชดำรัสนี้ ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข แต่มีผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการที่ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ไม่ต้องหันไปพึ่งพาการกระทำผิดกฎหมายหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด เมื่อชุมชนเข้มแข็ง ย่อมส่งผลให้สังคมและประเทศชาติมีความมั่นคงตามไปด้วย นอกจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพ และโครงการฟาร์มตัวอย่างแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงยังทรงริเริ่มโครงการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น "หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง" ที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และ "ธนาคารอาหารชุมชน" ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ชุมชน โครงการเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลที่มุ่งแก้ไขปัญหาพื้นฐานของประเทศอย่างยั่งยืน
การทรงงานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงยึดหลักสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1) การแก้ปัญหาในระดับพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะในชนบทและภาคเกษตรกรรม
2) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยมีคนเป็นศูนย์กลาง
3) การให้โอกาสแก่ราษฎรในการพัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
4) การพัฒนาด้านจิตใจควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านวัตถุ
5) การส่งเสริมงานพัฒนาของภาครัฐ
โครงการพระราชดำริเหล่านี้ไม่เพียงแต่บรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของประชาชนเท่านั้น แต่ยังวางรากฐานการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว สะท้อนให้เห็นถึงพระวิริยะอุตสาหะของทั้งสองพระองค์ที่ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความผาสุกของปวงชนชาวไทย
"กำไรของแผ่นดิน" คือปรัชญาการทรงงานที่ลึกซึ้ง และทรงคุณค่า เป็นมรดกล้ำค่าที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมอบไว้ให้แก่แผ่นดินไทย เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศที่ยึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งยังคงมีความสำคัญและทรงพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่สังคมไทยจวบจนปัจจุบันและในอนาคต
โครงการตามรอยพระราชา ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 โดยเป็นการเผยแพร่ศาสตร์ของพระราชา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมด้วยคุณธรรม 5 ประการ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ 17 เป้าหมาย ภายในปี 2030 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คุณจารุกัญญ์ โทรศัพท์ 099 397 5333 FB : ตามรอยพระราชา-The King’s Journey LINE : The King’s Journey