ความคืบหน้า จากกรณีนางกฤษณา อายุ 57 ปี นำหลักฐานเอกสารร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกว่าเธอถูกเจ้าอาวาสวัดชื่อดังย่าน ลำลูกกา ยืมเงินนานกว่า 20 ปีเป็นเงิน 920,000 บาท และไม่ยอมคืนเงิน บอกว่ามายึดโบสถ์ไปเลยนั้น
ล่าสุดนายเอกภพ ได้พานางกฤษณา ไปพบกับ พระครูโสภณภัทรเวทย์ หรือ พระอาจารย์อ๊อด เจ้าอาวาสวัดสายไหม หรือ รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา เพื่อปรึกษาปัญหาดังกล่าว
โดยนางกฤษณา ได้บอกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่า เจ้าอาวาสได้มาขอยืมเงิน ไปเกือบ 10 ล้าน และตนเองก็ไปทวงหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ และยังถูกเจ้าอาวาสทำร้ายร่างกาย และที่เจ้าอาวาสบอกจะให้ยึดโบสถ์ไปนั้นสามารถทำได้หรือไม่
ด้านพระอาจารย์อ๊อด บอกว่า โบสถ์ไม่สามารถยึดได้ เพราะวัดป็นการดูแลของสำนักพระพุทธศาสนา และทรัพย์สมบัติของวัดก็ไม่สามารถนำมาขายได้ ไม่สามารถนำไปเข้าไฟแนนซ์ หรือให้ใครได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา ส่วนการยืมเงินก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าอาวาส ซึ่งเรื่องนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้ทางเจ้าอาวาสมาชี้แจงว่าเงินดังกล่าวไปใช้ส่วนตัวหรือบริหารวัด ซึ่งจะประสานเจ้าคณะจังหวัดและเรียกเจ้าอาวาสคนดังกล่าวมาไกล่เกลี่ยและไต่สวน
ทั้งนี้หากทำผิดจริงก็มีความผิดยักยอกทรัพย์ สามารถให้สึกออกจากพระได้และมีความผิดทางด้านกฎหมายก็ต้องดูว่าผิดในข้อไหนบ้าง และการที่เจ้าอาวาส อ้างว่าจะให้โบสถ์เอาทรัพย์สินในวัดไปขายเอาเงินมาให้ ถือว่ามีมีความผิดหรือไม่ ตามความจริงแล้วไม่สามารถทำได้แต่หากมีการพูดก็ต้องดูว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการโทรศัพท์ไปหาลูกศิษย์คนสนิทของเจ้าอาวาสคนดังกล่าว โดยมีการบอกว่าเงินที่เจ้าอาวาสยืมมานั้นไม่ได้ใช้ในการบริหารวัดเลย รวมถึงเงินที่ทอดผ้าป่าทอดกฐินก็นำมาใช้บริหารวัดน้อยมาก ซึ่งลูกศิษย์ก็ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร และตนเองก็ลาออกมาแล้ว ซึ่งนางกฤษณา ได้ถามว่าทราบหรือไม่ที่เจ้าอาวาสโอนเงินที่ยืมไปโอนให้กับผู้หญิง 2 คน และไปไหนมาไหนในยามวิกาล และยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่เจ้าอาวาสก็ยังทำ