ตามนโยบายของ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้น
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ท.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผทค.พิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.สตม., และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
ตม.สมุทรสาคร ทลายโกดังจีน ปลอมเครื่องสําอางแบรนด์ดัง - เครื่องสําอางเถื่อน มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
ตม.สมุทรสาคร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3, สภ.เมืองสมุทรสาคร, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสํานักงานสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสาคร, สํานักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร และฝ่ายปกครองอําเภอเมืองสมุทรสาคร เข้าจับกุม นางยู (สงวน นามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทํางานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทําได้, รับคนต่างด้าว ที่ไม่มีใบอนุญาตทํางานเข้าทํางาน, มีไว้เพื่อขายซ่ึงผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง และช่วยซ่อนเร้น รับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเน่ืองด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560
และจับกุมนายหวัง (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี, นายซู (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี, นายเหลียง (สงวน นามสกุล) อายุ 32 ปี และนายกวน (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม โกดัง ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
“นายกฯอิ๊งค์” ถึงเชียงรายลุยน้ำท่วม ปลอบผู้ประสบภัย ยังเหลือชีวิตอยู่!
เทียบตัวท็อป 2 ค่ายดัง iPhone 16 Pro Max vs Samsung Galaxy S24 Ultra
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: “ทรัมป์” ไม่ดีเบต “แฮร์ริส” อีก ลั่นไม่จำเป็นต้องแก้มือ
ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่โกดังแห่งหนึ่ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีคนต่างด้าวสัญชาติจีน ลักลอบทํางานขายสินค้าประเภทเครื่องสําอางที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเข้าทําการตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติจีน จํานวน 5 คน กําลังนั่งทํางาน แพ็กของ ยกของ เรียงสินค้า อยู่ภายในโกดัง โดยมี นางยู (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลโกดัง
และพบว่าโกดังดังกล่าวเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลขที่จดแจ้ง และไม่แสดงฉลากภาษาไทย จึงได้ ตรวจยึดและอายัดของกลางรวม 8 รายการ จํานวน 6,000 ชิ้น มูลค่า 3,739,300 บาท โดยเป็นเครื่องสําอางต้องสงสัย ว่าเป็นเคร่ืองสําอางปลอมและเป็นเครื่องสําอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง และเครื่องสําอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จํานวน 8 รายการ
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าโกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ก ส่ง” หรือFulfillment โดยพนักงานแจ้งว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นโกดังกระจายสินค้า โดยกลุ่มนายทุนชาวจีนดังกล่าว จะเปิดร้านค้า บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อใช้โฆษณาสินค้าเป็นจํานวนมาก เพื่อกระจายการโฆษณา
จากนั้นจะส่งออเดอร์ - ที่อยู่การ จัดส่งผ่านระบบโปรแกรมบริหารคลังสินค้า (https://www.bigseller.com/th/index.htm) แล้วให้พนักงานทําการ แพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย โดยมียอดการส่งสินค้ากว่า 1,000 ชิ้น/วัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุม คนต่างด้าวทั้ง 5 ราย ดําเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
รวบ 2 หนุ่มรับเหมาสุดแสบ เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างบังหน้า ลักลอบเป็นนายหน้าจัดหาแรงงาน แถมพร้อมเอกสารทํางานปลอมให้เบ็ดเสร็จ
กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม
- นายเก่ง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า ปลอมเอกสารราชการ และโดยรู้อยู่แล้วว่า คนต่างด้าวคนใดเข้ามาโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการจับกุม
- นายออฟ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า โดยรู้อยู่แล้วว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามา โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการ จับกุม
- นายนาย (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 5 คน โดยกล่าวหาว่า ใช้เอกสารราชการ ปลอม และเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
- นายเนียง (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 3 คน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเข้า มาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
- นายอ่อง (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด
นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริษัท ตั้งอยู่ในซอยกาญจนาภิเษก 8 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ
กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบนําคนต่างด้าวผิดกฎหมายมาพักไว้ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านบางแค กรุงเทพฯ เพื่อรอให้มีนายจ้างที่ต้องการใช้แรงงานติดต่อว่าจ้างงาน และเมื่อได้งานจะมีการทําเอกสาร ทะเบียนใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ปลอมให้ แล้วจึงให้รถมารับ เพื่อไปทํางานกับนายจ้างที่ได้ติดต่อไว้ โดยได้รับค่านายหน้าตอบแทน
จึงได้เดินทางไปสืบสวนหาข่าวบริเวณบริษัทดังกล่าว พบรถกระบะตู้ทึบมีคนลักษณะคล้ายคนต่างด้าวโดยสารอยู่ในกระบะตู้ทึบ และรถคันดังกล่าวกําลังขับออกจาก บริษัท จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบเอกสารคนต่างด้าวที่โดยสารอยู่ในกระบะตู้ทึบ
เบื้องต้นได้นําเอกสารทะเบียน ใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทําการ ตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทําการตรวจสอบโดยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่อยู่ตรงบริเวณมุมขวาล่างของเอกสารที่ ผู้ถูกจับมาแสดงพบความผิดปกติ กล่าวคือ ปกติเมื่อทําการสแกนคิวอาร์โค้ดดังกล่าวจะปรากฏข้อมูลของผู้ขออนุญาตทํางาน แต่ของผู้ถูกจับกลับเป็น me-qr.com ซึ่งไม่ใช่เว็บไซต์ของทางราชการ
จึงได้ทําการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ จัดหางานเบื้องต้นพบว่าข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลไม่ตรงกัน เชื่อได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทําปลอมขึ้น และจาก การสอบถามคนขับรถได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับคนต่างด้าวมาจากบริษัทดังกล่าว และยังมีคนต่างด้าวอีกจํานวน หนึ่งพักอยู่ด้านบนบริษัท จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อเดินทางไปถึงพบนาย เก่ง (นามสมมติ) และนาย ออฟ (นามสมมติ) อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง และแจ้งวัตถุประสงค์เพื่อทําการตรวจสอบ ภายในบริษัทดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบคนต่างด้าว 4 ราย หลบซ่อนตัวอยู่ภายในอาคารบริษัทดังกล่าว ซึ่งคนต่างด้าว 3 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารใด ๆ ได้ ส่วนอีก 1 ราย แสดงหนังสือเดินทางประเทศเมียนมา
เมื่อตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2566 โดยไม่ปรากฏว่าได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักร อีกแต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ทราบ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทําการตรวจสอบบริเวณภายในที่ทําการสํานักงาน พบเอกสารทะเบียนใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 อยู่บริเวณโต๊ะทํางานของนายเก่ง จํานวน 58 ชุด
และเมื่อทําการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าข้อมูลอัตลักษณ์ไม่ตรงกับข้อมูลในเอกสารจึงได้ทําการตรวจยึดเอกสารดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบคอมพิวเตอร์ในสํานักงาน พบว่ามีไฟล์ เอกสารเกี่ยวการทํางานของต่างด้าวอยู่ในเครื่อง มีการใช้โปรแกรมแก้ไขข้อมูลอัตลักษณ์ให้กับคนต่างด้าวที่ประสงค์ จะมีเอกสารดังกล่าวไว้ใช้เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และมีการส่งข้อมูลไฟล์เอกสารที่ได้ทําการแก้ไขแล้วให้กับลูกค้าทางแอปพลิเคชันไลน์ จึงได้ทําการตรวจยึดหลักฐานและเอกสารประกอบการจับกุมทั้งหมดไว้ดําเนินคดี
รวบ 3 เครือข่ายแก๊ง East Coast อยู่เกินกําหนดอนุญาต พบประวัติก่อคดีแทงเพื่อนร่วมชาติปางตาย
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม นายโมฮัมเหม็ด (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี สัญชาติมัลดีฟ, นายอาชแซม (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สัญชาติมัลดีฟ และนายอับดุลลา อายุ 19 ปี สัญชาติมัลดีฟ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมย่านรามคําแหง 460 ถ.รามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. พบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติมัลดีฟ จํานวน 3 ราย ได้เข้าพักอาศัยอยู่ที่ คอนโดมิเนียมย่าน รามคําแหง 460 ถ.รามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์ ต้องสงสัย จึง ได้วางกําลังซุ่มสังเกตการณ์กระทั่งเวลาต่อมาพบชาวต่างชาติมีลักษณะท่าทางมีพิรุธเดินอยู่บริเวณคอนโด ดังกล่าว จึงแสดงตนขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง
จากการสอบถามทราบชื่อว่านายโมฮัมเหม็ด แต่ไม่สามารถนําหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ โดยแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่าหนังสือเดินทางของตนนั้นอยู่ภายในห้องพัก และได้นําเจ้าหน้าที่ชุด จับกุมขึ้นไปยังห้องพักพบนายอาชแซม และนายอับดุลลา ลักษณะท่าทางมีพิรุธอยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จึงตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า คนต่างด้าวทั้ง 3 ราย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้จับกุมนําตวั ส่งพนักงาน สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดตี ามกฎหมาย
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าทั้งสามรายมีประวัติกระทําความผิดในประเทศมัลดีฟส์ ในข้อหาร่วมกันทําร้าย ร่างกายผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคม และข่มขู่ผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคม โดยร่วมกันใช้อาวุธแทงผู้เสียหายบริเวณศรีษะ ใบหน้า และ ร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในกลุ่มเครือข่าย East Coast Gang อาชญากรรมท้องถิ่นของ มัลดิฟส์ ซึ่งเป็นกลุ่ม ที่ใช้ความรุนแรง และเกี่ยวข้องกับการจําหน่ายยาเสพติด และเป็นบุคคลที่องค์การตํารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE)
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงานตรวจคนเข้ าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง