จากกรณีดราม่าบริษัท “The iCON Group” ที่ถูกตรวจสอบพร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคหรือไม่ โดยมีนักแสดง-พิธีกรหลายรายถูกพูดถึงว่าเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ด้วยนั้น ซึ่งนอกจากคนดังเหล่านั้นแล้ว ยังมี “บอสหมอเอก” ที่อ้างว่าเป็นแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ด้วย
ล่าสุด 11 ตุลาคม 2567 พลอากาศเอก นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึง บอสหมอเอก ที่จากการตรวจสอบไม่ได้เป็นหมอจริงว่า
แพทยสภาเป็นหน่วยงานเก็บข้อมูลความเป็นแพทย์ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ 24 ชม. ถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบ อาจจะยังไม่ได้ลงทะเบียนหรืออาจจะเป็นแพทย์จริงแต่มีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ต้องสอบถามไปที่เจ้าตัวก่อน แต่คำว่าหมอ ไม่ได้มีแต่แพทย์ แต่ยังมี ทันตแพทย์ มีหมอกายภาพบำบัด หมอแพทย์แผนไทย แต่แพทย์ด้านการรักษาจะเป็นไปตาม พรบ.วิชาชีพเวชกรรม ต้องเป็นนายแพทย์ หรือแพทย์หญิง
เตรียมแพ็กกระเป๋า “เที่ยวคนละครึ่ง” มาแน่!! แจกอีกคนละ 2,000 บาท
"ทนายตั้ม" แจ้งเอาผิดข้อหาหนัก 6 บอสใหญ่ธุรกิจดัง! แง้ม 4 คนติดคุกแน่
ดูบอลสด คิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ไทย พบ ฟิลิปปินส์ 11 ต.ค.67
ขบวนการที่เกิดขึ้นที่ไม่ใช่แพทย์แล้วมาแอบอ้าง ต้องเริ่มต้นจากมีผู้เสียหาย มีผู้ร้องเรียน ใครที่ได้รับความเสียหายจากการแอบอ้าง ให้มาแจ้งแพทยสภาและแจ้งตำรวจ จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ ตาม พรบ.วิชาชีพเวชกรรม
พร้อมย้ำว่า แพทยสภาจะดำเนินการเอาผิดได้ กรณีที่เป็นแพทย์ จะมีอำนาจในการถอนทะเบียน แต่กรณีคนไม่ใช่แพทย์จะเอาผิดได้ตามกฏหมายบ้านเมืองมีโทษจำคุกและโทษปรับ เป็นฐานความผิดอาญา โดยคนที่จะแจ้งความคือผู้เสียหาย
เมื่อถามว่า ในกรณี The iCON ใครคือผู้เสียหาย ที่จะแจ้งความเอาผิดเพราะไม่ใช่หมอแต่เป็นผู้บริหาร จะมีความผิดฐานแอบอ้างกระทำให้เกิดความเสียหาย ต้องดูว่าเขาได้กระทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร
พลอากาศเอก นพ.อิทธพร กล่าวว่า แพทยสภาจะร่วมลงโทษได้ คือใช้ พรบ.วิชาชีพเวชกรรม แต่แพทยสภาจะเป็นต้นเรื่องไปถอนใบประกอบวิชาชีพเขาไม่ได้เพราะเขาไม่มีใบประกอบวิชาชีพ เหมือนขับรถไม่มีใบขับขี่ หากมีใบขับขี่สามารถเพิกถอนได้ ต้องแจ้งให้ตำรวจจับ
พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นการใช้ความน่าเชื่อถือว่าเป็นแพทย์ ให้ประชาชนมาลงทุนในดิไอคอน ต้องใช้กฎหมายบ้านเมืองเอาผิด เพราะกฎหมายการแพทย์ใช้ได้เฉพาะการรักษา ถ้าการหลอกลวงเป็นเรื่องจริง ต้องดำเนินคดีบ้านเมือง พร้อมย้ำว่า คนที่ถูกหลอกลวงให้ไปแจ้งความดำเนินคดี โดยแพทยสภาจะเข้าไปเป็นพยานให้ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วไม่ใช่แพทย์ ตำรวจจะประสานกับแพทยสภาเองโดยอัตโนมัติ