จากกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้แต่ละสถานีตำรวจเปิดจุดบริการรับแจ้งความในกรณีของ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCON Group) โดยเฉพาะนั้น
ล่าสุด ช่วงค่ำวันที่ 18 ตุลาคม ที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย นายพงษ์พันธ์ อายุ 23 ปี บุตรชายของหนึ่งในผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าว นำหลักฐานเดินทางมาพบ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ เพื่อร้องทุกข์ โดยทางผู้กำกับก็ได้ให้ ร.ต.อ.เมที หน่อแก้ว รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านดู่ เป็นผู้รับแจ้งความ
นายพงษ์พันธ์ กล่าวว่า พ่อของตนได้นำเอาเงินเก็บไปลงทุนในธุรกิจดิไอคอน โดยมีภาพหลักฐานการไปร่วมทำกิจกรรม และยังมีภาพถ่ายคู่กับบอสพอลอีกด้วย ซึ่งหลังจากพ่อเข้าไปลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเมื่อปี 2560 ก็ได้มาชักชวนแม่ อา รวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นให้ร่วมลงทุน และมีการลงทุนเพิ่มเรื่อย ๆ
จากที่เคยมีเงินเก็บ มีบ้าน มีรถยนต์ 3 คัน กลับกลายว่าทุกอย่างสูญไปกับการลงทุนของพ่อ จนมาระยะหลังพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันเรื่องที่พ่อไปลงทุนดังกล่าว จนครอบครัวมีปัญหาการเงิน ตนและน้องสาวเลยไม่ได้เรียนต่อ สุดท้ายแม่จึงขอหย่ากับพ่อ จากนั้นพ่อไปอาศัยอยู่ที่วัดใกล้บ้าน ก่อนแขวนคอเสียชีวิตในวัด เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ขณะอายุได้ 56 ปี
นางพงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตอนนั้นตนยังเด็ก ไม่รู้ว่าพ่อไปทำธุรกิจอะไรจนนำมาสู่ปัญหาชีวิต และแม่ก็ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตอนนั้นแม่อยากให้พวกเราตั้งใจเรียนหนังสือ จนกระทั่งไม่นานมานี้มีการนำเสนอข่าวดิไอคอน ตนจึงจำได้ว่าเคยเห็นภาพของพ่อตอนไปร่วมกิจกรรม และมีภาพตอนพ่อถ่ายรูปร่วมกับบอสพอล
ตนจึงคิดว่าการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุพาไปสู่ปัญหาชีวิต เพราะปัญหาอย่างอื่นคงไม่ทำให้พ่อคิดสั้นแบบนี้ ประกอบกับหลังจากมีข่าวดิไอคอน ทางอาของตนได้บอกตนว่าพ่อของตนเคยชักชวนอาให้เอาเงินไปลงทุนกับดิไอคอนเหมือนพ่อ
ตนจึงรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว หลังจากนี้ตนจะไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และจะนำมาส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง และตั้งใจจะเดินหน้าดำเนินคดีกับบริษัทขายตรงดังกล่าวให้ถึงที่สุด
นางพงษ์พันธ์ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ตนกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว แต่เพิ่งมาทราบว่าหากเราแจ้งความผ่านทางเจ้าหน้าที่ จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ จึงรู้สึกดีใจมาก ๆ อยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ดูแลและแนะนำตนเป็นอย่างดี
ด้าน พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กล่าวว่า ในส่วนของ สภ.บ้านดู่ มีผู้เสียหายทยอยมาแจ้งความเรื่อย ๆ โดยมีทั้งคนที่วอล์กอินเข้ามาแจ้งความด้วยตนเองจำนวน 7 เคส และคนที่แจ้งความผ่านระบบออนไลน์จำนวน 3 เคส รวมแล้วตอนนี้มีทั้งหมด 10 เคส มูลค่าความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาท
แต่ในภาพรวมทั้งจังหวัดตอนนี้มีผู้เสียหายรวม 62 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งยอดเสียหายสูงสุดอยู่ที่ สภ.บ้านดู่ เพราะมีผู้เสียหายรายหนึ่งสูญเงินไปในการลงทุนกับบริษัทดังกล่าวประมาณ 3.5 ล้านบาท
และล่าสุดมีเคสที่เพิ่มมาแจ้งความเมื่อช่วงค่ำวันนี้ เคสดังกล่าวครอบครัวต้องหมดเนื้อหมดตัว เพราะพ่อขายบ้านขายรถนำเงินไปลงทุนกับดิไอคอน จนครอบครัวแตกแยก ลูกไม่ได้เรียนต่อ ส่วนพ่อที่ไปลงทุนกับบริษัทดังกล่าว สุดท้ายเครียดหนักและไปแขวนคอในวัดใกล้บ้าน
ซึ่งทุกเคสเราถือว่าเป็นผู้เสียหายเหมือนกันหมด เราให้ความสำคัญในทุกเคสเท่า ๆ กัน เราจะพยายามช่วยเหลือผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ให้เขาได้เห็นว่ายังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างประชาชน
พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กล่าวอีกว่า ทางรักษาการณ์ ผบ.ตร. ผบช.ภ.5 และ ผบก.ภ.จว.เชียงราย สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจให้เปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว เพื่อลดขั้นตอน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย จะได้ไม่ต้องเดินทางไปแจ้งความที่ บชก.
ซึ่งคดีนี้ บก.ปคบ. เป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดี โดยให้ทุกโรงพักรับแจ้งความและรวบรวบหลักฐานทุกอย่างของผู้เสียหาย และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางไปดำเนินการด้วยตนเองที่ กทม. และไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น