จากกรณีที่มีผู้โพสต์เฟซบุ๊กรายหนึ่งเขียนข้อความลงในเพจ “ชุมชนคนหลังสวน”ว่า “คนหลังสวนคิดว่ายังไง ถ้าครูผู้ช่วยคนนี้ทำกับลูกหลานท่าน ช่วยกันแชร์เลยค่ะ พรุ่งนี้นักข่าวทุกสำนักต้องมาเยือน” พร้อมชี้เป้า รร. แห่งหนึ่งไม่ไกลจากอำเภอหลังสวน
นอกจากนี้ ยังโพสต์รูปเด็กผู้เสียหาย ซึ่งใบหน้าด้านขวาบริเวณแก้มไปถึงใบหน้าและที่เบ้าตา มีร่องรอยแดงช้ำ เป็นจ้ำ ๆ คู่กับรูปบุคคลในชุดขาวเหมือนข้าราชการ คาดดวงตา ปิดชื่อและนามสกุล
และระบุใต้รูปว่า ครูผู้ช่วย ส่วนด้านล่างของรูป ยังระบุข้อความเพิ่มเติมอีกว่า ครูผู้ช่วย ทำเกินกว่าเหตุ จับเด็กกดพื้น เหตุจากร้องไห้ไม่หยุดนั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ชาวอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ผู้เป็นมารดาของเด็กผู้เสียหาย ทราบว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 67 ช่วงเช้า ตนได้ขับรถไปส่งลูกชาย ที่ ศกศ.ชพ.หน่วยบริการหลังสวน วัดใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รับเลี้ยงและดูแลการเรียนเด็กพิเศษ สังกัดโรงเรียนแห่งหนึ่ง
เป็นปกติที่ต้องส่งลูกชายไปเข้าเรียนเช่นเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งแม้จะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนเช่นคนอื่นก็ตาม จนกระทั่งช่วงเย็น ซึ่งทางผู้เป็นตา ของน้อง จะรับหน้าที่ไปรับกลับจากโรงเรียนมาบ้าน แต่วันนี้รู้สึกผิดปกติไป พอเห็นตา ก็วิ่งเข้าหาและมากอดคล้ายหวาดผวาอะไรมาและมาสังเกตที่บริเวณแก้มด้านขวา มีร่องรอยคล้ายถูกทำร้ายอีกด้วย
น.ส.เอ เล่าว่า ตา จึงได้เดินเข้าไปสอบถามครูประจำห้อง ชื่อ นายธนพงษ์ ซึ่งทำงานอยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กพิเศษแห่งหนึ่งใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยครูคนดังกล่าวอ้างว่า น้องทำร้ายตัวเอง แต่ตาไม่เชื่อเพราะดูร่อยร่องแล้ว น่าจะเป็นการถูกทำร้ายมากว่า เพราะตามแก้ม ใบหู โดยเฉพาะดวงตาช้ำเลือด จึงขอดูกล้องวงจรปิด แต่ถูกปฏิเสธจากครูคนดังกล่าว พร้อมอ้างว่าไม่มีกล้อง
น.ส.เอ เล่าอีกว่า ด้วยความโมโห ตาจึงได้นำหลานชายกลับมาบ้าน ต่อมาไม่นานก็มีครูผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นหัวหน้า ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ครูคนดังกล่าว ได้รับสารภาพแล้วว่า ได้ทุบตีน้องจริง พวกตนจึงได้เดินทางไปยังโรงเรียนอีกรอบเพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด
ซึ่งเมื่อได้เห็นภาพ ครูคนดังกล่าว ใช้มือกระชากผมน้อง แล้วใช้มือตกเข้าที่บริเวณหูน้อง จะแรงหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ แต่ก็ไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เมื่อสอบถามครูที่ทำร้ายน้อง ยังพบคำตอบที่แทบรับไม่ได้เลย เพราะครูคนนั้นตอบว่า การตบที่หูเด็กเป็นวิธีการกระตุ้นเด็กพิเศษประเภทนี้ ซึ่งตนเองก็ทำกับเด็กทุกคนและทำแบบนี้มานานแล้ว ส่วนที่จับเด็กกดลงกับพื้นก็เพราะน้องไม่ยอมหยุดจึงต้องทำวิธีดังกล่าว
น.ส.เอ เล่าต่ออีกว่า ทุกคนเมื่อเห็นภาพและได้คำตอบแบบนั้นสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อนำไปแจ้งความ แต่ครูคนดังกล่าวไม่สะทกสะท้าน พร้อมบอกว่าอยากได้ก็ไปแจ้งและให้ตำรวจมาเอาเอง ตนเองจึงได้เดินทางมาที่ รพ.หลังสวน เพื่อให้แพทย์ ได้ตรวจร่างกายก่อนจะเดินทางมาที่ สภ.หลังสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายธนพงษ์ ฐานความผิดทำร้ายร่างกายลูกชายต่อไป
นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ไปแจ้งความแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาตามสายงานของ ครูคนดังกล่าวได้เดินทางมาพบตน โดยขอร้องอย่าให้เรื่องใหญ่โต ขอสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร แล้วค่อยว่ากันตามกระบวนการตามกฎหมาย โดยขอเวลา 1 อาทิตย์ ซึ่งตนก็บอกว่าได้ แต่ตอนนี้ต้องแจ้งความไว้ก่อน ทางผู้บังคับบัญชาสายงาน ก็เดินทางกลับไปในที่สุด