วันที่ 13 พ.ย. 2567 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าเยี่ยมบอสพอลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า เนื้อหาคลิปเสียงที่ออกในรายการไม่ได้มีการต่อต่อ เพียงแค่ ตัดคลิปให้สั้นลง ในคลิปเสียงช่วงของ นายฟิล์ม รัฐภูมิ ไม่ได้พูดลักษณะข่มขู่เอาชีวิตหรือทำให้เสียชื่อเสียง แต่เป็นการเรียกรับผลประโยชน์ โดยแอบอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการโหนกระแส
ในระหว่างนั้นน.ส.กฤษอนงค์ เป็นคนประสาน ฟิล์มให้ พูดคุยกับบอสปัน อ้างว่าสามารถพาไปออกรายการโหนกระแสได้ ซึ่งในรายการ ช่วงแรกจะมีการโจมตีก่อน และท้ายที่สุดจะให้ ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ปเป็นคนดี ให้ไปดำเนินการเยียวยาผู้เสียหาย และจบแบบแฮปปี้แอนดิ้ง โดยฟิล์ม รัฐภูมิ อ้างว่า รายการโหนกระแสกำหนดทิศทางของสังคมได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จ่ายเงิน 20 ล้านตามที่ถูกเรียก เพราะไม่มีเงินสด อีกทั้งไม่ได้มีการตกลงว่าจ้างให้ ฟิล์ม รัฐภูมิ มาทำพีอาร์ให้บริษัทด้วย
วิธีเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายเฉพาะแชตบน LINE
ส่อง 30 ลุค! พร้อมเคาะคะแนน "โอปอล สุชาตา" ก่อนรอบพรีลิมฯ "Miss Universe 2024" 15 พ.ย.นี้!
ย้อนดูมูลค่าตัวเลขการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ในประเทศไทย
ทนายวิฑูรย์ บอกว่า การคุยกันเรื่องไปออกรายการโหนกระแสไม่ได้มีเจตนาไปฟอกขาว เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ว่าสามารถต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้อยู่แล้ว แต่คิดว่าบอสปัน น่าจะเครียดกลัวตกเป็นจำเลยของกระแสสังคมจึงปรึกษา นางสาวกฤษอนงค์ จุดนี้ถือเป็นช่องโหว่ให้นักตบทรัพย์เข้ามาหากิน
ส่วนเรื่องคลิปเสียง ทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า ฝั่งตัวเองไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิป หรือ นำไปให้หนุ่ม กรรชัย เพราะไม่มีประโยชน์ต่อรูปคดี และไม่ต้องการดิสเครดิตใคร คาดว่า อาจหลุดจากคนในบริษัท จากนี้ต้องเรียกพนักงานมาสอบถามก่อน ส่วนเรื่องการตบทรัพย์ ก่อนหน้านี้ พนักงานบริษัท ก็เคยให้ข้อมูลว่า กลุ่มนี้เคยเรียกรับเงินหลายครั้ง แต่ไม่รู้ตัวเลขที่ชัดเจน
สุดท้ายจะดำเนินคดีเรื่องคลิปเสียงนี้หรือไม่ นายวิฑูรย์ บอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับบอสปัน คาดว่า อาจต้องดำเนินคดี มองว่า แม้ความผิดไม่สำเร็จแต่ก็ปรากฏขึ้นแล้ว และ ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีใครอีก แต่ยอมรับว่า มีคนที่จ่อดำเนินคดีอีก ซึ่งคนนี้เช็คข้อมูลแล้วพบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นตัวแทนบริษัท
ส่วนที่น.ส.กฤษอนงค์โพสต์ ว่า “ไม่ให้ราคาโจร” ทนายวิฑูรย์เชื่อว่า หมายถึงพวกตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จากนี้ก็จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ส่วนเรื่องข้อหาที่ถูกดำเนินคดีทราบว่า ตอนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งความเอาผิด3ข้อหา คือ เรื่องแชร์ลูกโซ่ และความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงอีก 2 ข้อหา คือ การชักชวนให้บุคคลอื่นเป็นเครือข่ายและประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเตรียมเอกสารในการต่อสู้ทุกประเด็นไว้แล้ว