วันที่ 10 ธ.ค.2567 เวลา 10.00 น. น.ส.ธัญญรส อดีตลูกจ้างฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองสมุทรสาคร เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกกลั่นแกล้งให้ออกจากราชการ เหตุเพราะพูดความจริงกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอร่วมปลอมแปลงเอกสารรับบุตรบุญธรรม
โดย น.ส.ธัญญรส กล่าวว่า ตนทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาคร มานานกว่า 10 ปี กระทั่งปี 2565 ได้มีข่าวเศรษฐีนีรับสาวใช้เป็นบุตรบุญธรรมยกมรดก 500 ล้านให้ ต่อมาครอบครัวเศรษฐีนีได้มีการร้องให้ตรวจสอบเอกสารการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ซึ่งเมื่อตนได้เห็นข่าว จึงได้ค้นหาเอกสารเนื่องจากตนเองมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจดทะบียนรับบุตรบุญธรรมในพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็รู้สึกเอะใจว่าไม่คุ้นกับเคสนี้เลย และเมื่อค้นหาเอกสารเจอจึงพบว่าเอกสารการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวเป็นเท็จ เนื่องจากตนพบว่า ในเอกสารการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว มีชื่อตน ลงชื่อเป็นพยาน ทั้งที่ในข้อเท็จจริงตนมีหน้าที่ในการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ตนจะลงชื่อในฐานะ "เจ้าหน้าที่" ที่รับจดทะเบียน จะต้องไม่ไปลงชื่อในฐานะพยาน
จากนั้นตนจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เรื่องการลงลายมือชื่อเป็นเท็จ ต่อมาหลังจากมีการแจ้งความ ได้มี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนของอำเภอ 3 คน มาพูดคุยกับตนพร้อมกับขอร้องให้ตนถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอมเพราะเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ต่อมาศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สมุทรสาคร ได้มีหมายเรียกตนไปเป็นพยานเรื่องการลงลายมือชื่อเป็นพยานในเอกสาร ซึ่งตนได้เบิกความยืนยันไปว่าการลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวเท็จ กระทั่งต่อมาช่วงต้นปี 2567 ศาลได้มีคำพิพากษา ให้เพิกถอนการจดรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ทำให้สาวใช้ไม่มีสิทธิรับมรดกกว่า 500 ล้าน
แต่หลังจากนั้นตนคิดว่าจบเรื่องแล้ว จึงกลับมาทำงานตามปกติ จนต่อมาปลายปี 2567 ตนถูกประเมินจากเพื่อนร่วมงานว่าขาดจริยธรรมในการทำงานกับเพื่อนร่วมงาน จึงถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งตนเชื่อว่าการประเมินดังกล่าวเป็นผลมาจากที่ตนเองไปให้การเป็นพยานในคดีปลอมเอกสารรับมรดกกว่า 500 ล้านอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้ใหญ่บางคนเสียผลประโยชน์ ที่สำคัญคนที่ปลอมลายมือชื่อของตน ได้ไปยอมรับในชั้นศาลว่าเป็ยคนปลอมลายมือชื่อ แต่ปัจจุบันยังคงทำงานที่อำเภอตามปกติ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ตนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้มาร้องขอความช่วยเหลือกับ เพจสายไหมต้องรอด ดังกล่าว
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ภายหลังได้รับเรื่อง กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เสียหายได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร แล้วจึงต้องรอผลการพิจารณาก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก คงต้องประสานผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ให้ช่วยลงมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายต่อไป