พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. แถลงข่าวจับกุม นางสาวปาริฉัตต์ แซ่เอี๊ยว ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจด้วยการขู่เข็ญ ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และข้อหาเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนเอง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ความผิดทางอาญา
ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ หลังตำรวจสืบสวนจนทราบว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกให้ นางสาวชาล็อต ออสติน โอนเข้าบัญชี 4 ล้านบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีประวัติเดินทางออกนอกประเทศ ก่อนวันที่ นางสาวชาล็อต จะถูกหลอกให้โอนเงิน
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาถูกสามีชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้พิเศษ โดยมีค่าตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ต่อมาผู้ว่าจ้างได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชี ก่อนจะแจ้งว่าตัวเองและสามีต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา 2 วัน ซึ่งในวันเดินทางได้มีรถแท็กซี่ 2 คัน มารับที่บ้าน โดยภายในรถยังมีบุคคลอื่นที่รับจ้างเปิดบัญชีร่วมเดินทางไปด้วย เมื่อถึงบริเวณตลาดคลองเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ได้มีรถจักรยานยนต์มารับเพื่อพาไปส่งยังจุดข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10 นาที ก็เดินทางถึงประเทศกัมพูชาและมีกลุ่มคนมารับไปส่งยังอาคารแห่งหนึ่ง
ผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า มีคนไทยประมาณ 20 คน อาศัยอยู่ภายในอาคาร โดยชั้นบนมีการสร้างห้องเอาไว้เพื่ออ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อใช้สำหรับวิดีโอคอลหลอกผู้เสียหายให้โอนเงิน ส่วนตัวผู้เสียหายนั้นถูกขังอยู่ในห้อง ก่อนจะถูกเรียกให้ออกไปสแกนใบหน้าผ่านบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็จะได้รับเงินสด เป็นค่าตอบแทน และถูกสองตัวกลับประเทศไทยผ่านช่องทางเดิม
จากการขยายผลเบื้องต้น ตำรวจพบเส้นทางการเงินที่ นางสาวชาล็อต โอนไปจำนวน4 ล้านบาท ถูกแปลงเป็นเงินดิจิทัล และโอนไปยังบัญชีปลายทางที่มีคนจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการขยายผล ส่วนสามีของผู้ต้องหา ภายหลังออกข่าวก็พบว่า ได้หลบหนีไปจากที่พัก แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะยังไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน