จากกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งความดำเนินคดี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. และนางศิรินัดดา หักพาล ภรรยา ในความผิดฐานฟอกเงิน หลังพบความเชื่อมโยงเครือข่ายเว็บพนันนั้น
หากย้อนไปก่อนหน้านั้น มีภาพความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และภรรยา เข้าไปสวัสดีปีใหม่ นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และ อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
โดยในภาพดังกล่าว นายไพศาล ระบุตอนหนึ่งว่า “ตอนบิ๊กโจ๊กมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในสำนักงานตำรวจ ผมก็พยายามเชิญมาเยี่ยม แต่คนมีอำนาจวาสนาเขาไม่คบผม เชิญเท่าใดก็ไม่มา จนวันนี้ไม่มีอำนาจวาสนาแล้วจึงมีเวลามาเยี่ยมอวยพรปีใหม่ ก็ขอให้มีความสุขความเจริญเถิด อำนาจวาสนาของใครก็ของมัน คนเราชะตาฟ้ากำหนด ใครปล้นสะดมภ์เอาไปไม่ได้หรอก แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ เวรกรรมมีจริง ใครทำกรรมดีไว้ ย่อมได้รับผลดีเสมอ”
ล่าสุดวันนี้ นายไพศาล ได้เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่าการพูดคุยวันนั้น คุยเรื่องอะไรอะไรกันบ้าง โดยยืนยันไม่มีการปรึกษาเรื่องคดี แต่ตนเองได้ให้คำแนะนำไปว่าวิบากกรรมต่างๆ ที่บิ๊กโจ๊กกำลังเผชิญนั้น บิ๊กโจ๊กไม่ได้ผิดอะไร แต่เป็นเพราะเติบโตเร็วเกินไป ทั้งที่อายุยังน้อย แต่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. เร็วเกินไป ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใครก็ตั้งความหวัง สุดท้ายจึงถูกปล้นชิงตำแหน่งไป ซึ่งเรื่องนี้ บิ๊กโจ๊กก็เปิดใจกับตน โดยยอมรับในเรื่องนี้ว่า วงการตำรวจมันโหดร้ายจริงๆ
นายไพศาล ยังพูดถึงกรณีที่ ปปง. ไปแจ้งความดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊กและภรรยาในข้อหาฟอกเงิน มองว่า การไปแจ้งความทำได้ แต่ทำไม่ถูกต้องในการที่แจ้งความแล้วประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ทำให้บิ๊กโจ๊กและภรรยาได้รับความเสียหาย เพราะเรื่องนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ แต่กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนของการแจ้งความเท่านั้น ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าบิ๊กโจ๊กผิดจริงหรือไม่ การไปประชาสัมพันธ์ปล่าวประกาศว่ามีการแจ้งความ จึงเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท