จากกรณีหญิงคนหนึ่งอ้างว่าตนตั้งท้องและได้ไปฝากท้องที่ รพ.ปทุมธานี และอ้างว่าระหว่างท้องได้ 7 เดือนก็มีการตั้งท้องซ้อนขึ้นมาในถุงน้ำคร่ำอีก 1 ใบ จนวันที่จะคลอดแพทย์กลับแจ้งว่า ลูกในท้องคนแรกไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ให้เหตุผล จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอดให้ตรวจสอบว่าเด็กหายไปได้อย่างไร
ขณะที่เรื่องนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีได้ตรวจสอบพบว่า หญิงคนดังกล่าวมารับบริการที่ รพ. 15 ครั้ง แต่ 11 ครั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตั้งท้องแต่อย่างใด
โดย นพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก ผอ.รพ.ปทุมธานี ซึ่งตรวจสอบประวัติการรักษาผู้ร้องเรียนพบว่า ได้ไปรับบริการ 15 ครั้ง รวมทั้งที่นัดแล้วไม่ไป และไม่รอพบแพทย์ด้วย โดยครั้งที่ 1-11 ตั้งแต่ช่วงเดือนมิ.ย.- ธ.ค.67 ไม่ได้ตรวจด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับการตั้งท้องแต่อย่างใด แต่เป็นอาการป่วยทั่วไป เช่น ปวดหลังร้าวลงขา ไข้ ไอ อาเจียน ติดตามโรคคออักเสบ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย
ส่วนการรับบริการครั้งที่ 12 เกิดขึ้นเมื่อ 20 ม.ค.68 แจ้งว่า ประจำเดือนขาด 2 เดือน และขอตรวจการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้รอฟังผล จากนั้นไปรับบริการครั้งที่ 13 เมื่อ 31 ม.ค.68 โดยขอฟังผลตรวจครั้งก่อน ซึ่งพบว่า ตั้งท้อง และขอฝากท้องต่อ จึงเจาะเลือด และนัดฟังผล รับสมุดฝากครรภ์วันที่ 5 ก.พ.68 โดยแพทย์ได้อัลตราซาวนด์ และแจ้งอายุครรภ์ 13 สัปดาห์ ล่าสุดได้ไปรับบริการครั้งที่ 14 ในวันที่ 1 ก.พ.68 เมื่อเวลา 06.04 น. ด้วยอาการหายใจไม่สะดวก คลื่นไส้ อาเจียน แพทย์ได้จ่ายยาและให้กลับบ้าน
จากนั้น ไปรับบริการครั้งที่ 15 ในวันเดียวกัน เวลา 08.43 น. แจ้งว่า เจ็บครรภ์คลอด แพทย์ได้ทำอัลตราซาวนด์ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลให้ทราบว่า เด็กตัวเล็กมาก และนำเข้าสู่กระบวนการฝากท้องตามปกติ ทั้งนี้ได้ให้โรงพยาบาลสืบค้นข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อความกระจ่างและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่นายธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้สั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ตามที่ น.ส.รุ่งอรุณกล่าวอ้างด้วย