“คดีแตงโม” ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่วันนี้ 24 ก.พ. 68 เป็นวันครบรอบ 3 ปี การจากไปของ “ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” หรือ “แตงโม” ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน โดยที่การเสียชีวิตของเธอยังคงเป็นปริศนา
วันเดียวกัน พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมกรณีของคดีแตงโม ในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
บิ๊กโจ๊ก ระบุว่า เรื่องแตงโมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนและตนน่าจะเป็นตำรวจที่ทราบเรื่องคนแรกว่าแตงโมจมน้ำ ตนทราบเรื่องประมาณ 23.00 น. ขณะนั้น “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการดาราซึ่งสนิทกับภรรยาว่า ให้บอกตนว่าแตงโมตกน้ำ เมื่อทราบก็โทรไปสั่ง ผกก.สน. ที่รับผิดชอบพื้นที่ทางน้ำ ให้ไปดูแลเหตุ ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ในฐานะ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน งานนี้เป็นหน้าที่ตน
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นก็มี รอง ผบ.ตร.ที่คุมงานสืบสวนสอบสวนซึ่งปัจจุบันเกษียณแล้ว ตนโทรไปปรึกษาเพื่อลงไปดูงานเอง แต่วันถัดมา รอง ผบ.ตร.คนดังกล่าวมองว่าคดีนี้ทะแม่ง ๆ อย่ายุ่งดีกว่า ตนเลยไม่เข้าไปยุ่ง ทำให้เรื่องการกำกับดูแลทั้งหมดอยู่ที่ ผบ.ตร.
บิ๊กโจ๊ก กล่าวต่อว่า ถึงวันนี้กระแสคดีแตงโมกลับมาอีกรอบหนึ่ง สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญคือ การเก็บพยานหลักฐานของตำรวจนั้นมีการไปตรวจถึง 4 ครั้ง แต่ครั้งสำคัญที่สุดคือครั้งแรก ครั้งต่อมาไม่น่าเชื่อถือแล้ว อีกทั้งหลังการตรวจเก็บวัตถุพยาน พนักงานสอบสวนดันส่งเรือคืนเจ้าของแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร ทำให้การไปเก็บครั้งที่ 2 3 4 ไม่น่าเชื่อถือ
จากประสบการณ์ทำงานของตน บนตัวแตงโมที่มีการออกมาบอกว่ามีโคลน ใบไม้ติดตัว สิ่งนี้สำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตำรวจไม่ได้ทำ คือการนำดินโคลนไปตรวจสารอินทรีย์เปรียบเทียบว่าดินบนตัวแตงโมตรงกับดินบริเวณที่ชี้ว่าเป็นจุดเกิดเหตุหรือไม่ ถ้าไม่ตรง แสดงว่าคนบนเรือพูดโกหก
บิ๊กโจ๊กชี้ ตำรวจทำวัตถุพยานเสียหาย
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ความย่ำแย่ของผู้บัญชาการ เริ่มจากเมื่อเกิดเหตุแล้ว ร้อยเวรรักษาพื้นที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานลงไปตรวจวัตถุพยาน หมอนิติเวชตรวจศพ ต่างคนต่างทำหน้าที่แล้วแยกย้าย ก่อนที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจะหลับมาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่มีผู้กำกับโรงพักอำนวยความสะดวก การเก็บพยานวัตถุหลักฐานนั้นจะลำบากหมด แต่นี่นิติเวชมา บริเวณศพก็วุ่นกันหมด การเก็บรักษาพื้นที่ก็ไม่ดี คนเดินเต็มไปหมด ศพก็มีการยกไปก่อน ทำให้วัตถุพยานเสียหายหมด
บิ๊กโจ๊ก กล่าวต่อว่า ต้องเข้าใจว่าตำรวจไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ต้องนำคนเก่ง ๆ มาช่วย ซึ่ง “หมอพรทิพย์” อยากช่วย แต่ตำรวจไม่ให้ช่วย เช่นเดียวกับคดีแอมไซยาไนต์ที่ตนนำหมอพรทิพย์มาช่วย
ส่วนตัวแล้วตนไม่เชื่อว่า แตงโม จะจมไปถึงก้นของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วตาย เพราะคนถ้าจมถึงก้นแม่น้ำเจ้าพระยาจะต้องตายตั้งแต่ก่อนจม เพราะในหลอดอาหาร จมูก มีโคลนเต็มไปหมด เพราะถ้ายังไม่ตายจะต้องจมลงไปถึงก้นแม่น้ำหายใจเอาดินโคลนเข้าไป แต่นี้เป็นไปไม่ได้ การตายแบบที่มีดินอยู่ในปากในจมูกแสดงว่ายังไม่ตายขณะที่ถูกทำให้ตาย ดังนั้นถ้านำดินบนตัวแตงโมไปตรวจก็จะรู้ว่าคนบนเรือโกหกหรือไม่
คดีแตงโมเงื่อนงำเยอะ ไม่เชื่อเป็นอุบัติเหตุ
บิ๊กโจ๊ก มองว่า ตนไม่เชื่อว่าการเสียชีวิตของแตงโมจะเป็นอุบัติเหตุจากการฉี่ที่ท้ายเรือ เพราะเรื่องนี้มีเงื่อนงำเยอะ ตั้งแต่ที่ รอง ผบ.ตร. แจ้งตนขณะนั้นแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ความจริงก็ค่อย ๆ ปรากฏออกมา นอกจากนี้ยังไม่เชื่อว่าแตงโมจะเสียชีวิตจากใบพัดเรือ เป็นที่น่าเห็นใจว่าไม่มีหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไหนให้ความสนใจ ถ้าทำคดีอย่างชัดเจน มุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่แรก ก็สามารถไขได้หมดทุกคดี
บิ๊กโจ๊ก เผยว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเสียชีวิตจากการโดนใบพัดเรือ จากประสบการณ์การทำงาน และจากการสังเกตบาดแผลแล้วพบว่าไม่เข้ากับใบพัด มองว่าคดีนี้ไม่ได้ยาก และเท่าที่ทราบข้อมูลมามีเรื่องผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือจริง แต่ไม่อยากพาดพิงใครให้เสียหาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่ตรงไปตรงมา ถ้าตำรวจทำงานชัด ตรงไปตรงมา ปัญหาก็ไม่เกิด
คดีเก่า แม้ว่าเราจะนำมารื้อฟื้นยังไม่ได้ แต่ต้องจตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด และนำคณะทำงานจากนอกหน่วยมาช่วย พอตรวจสอบข้อเท็จจริงหมดเราค่อยมาฉายภาพรวมทั้งหมดเพื่อคลายข้อสงสัยของทุกคน
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
