รัสเซียขู่ถล่มพลังงานยูเครน หากยังโจมตีโครงสร้างพลังงานของตน

สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย และยูเครน ยังคงยู่ในความตึงเครียดต่อไป แม้ผู้นำทั้งสองประเทศได้สัญญาว่าจะหยุดโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานระหว่างกัน

โดยเมื่อวานนี้รัฐบาลรัสเซียเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครนอาจกลับมาเป็นเป้าหมายการโจมตีอีกครั้ง หากยูเครนยังไม่หยุดโจมตีสถานีก็าซและน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

 

รายการทันโลก เสาร์ - อาทิตย์

คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปรากฎภาพเพลิงไหม้รุนแรงที่สถานีสูบและวัดแรงดันก๊าซแห่งหนึ่งในเมืองซุดซา ภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครน ที่ส่งกำลังทหารรุกข้ามพรมแดนยึดพื้นที่แห่งนี้ไว้เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว

กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่ารัฐบาลยูเครนจงใจโจมตีสถานีก๊าซดังกล่าวระหว่างการถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคก๊าซ โดยมีจุดประสงค์คือต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการสันติภาพที่ผลักดันโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ

ขณะที่เมื่อวานนี้ (เสาร์ 22 มี.ค.) นาง มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า

ยูเครนยังจงใจโจมตีอาคารที่พักศัยหลายแห่ง และ สถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยูเครนไม่มีความพร้อมสำหรับการเจรจาและไม่ต้องการสันติภาพ

โดย ซาคาโรวา เตือนว่าหากการโจมตีในลักษณะนี้ยังคนเกิดขึ้นต่อไป รัสเซียจะใช้สิทธิ์ในการตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานของยูเครนเช่นกัน

ด้านคณะเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนยันยันไม่เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ที่สถานีก๊าซเมืองซุดซา พร้อมทั้งระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการระดมยิงถล่มจากฝ่ายรัสเซียเอง ซึ่งรวมถึงการใช้ขีปนาวุธโจมตี เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วด้วย

สำหรับสถานีก๊าซเมืองซุดซาเป็นช่องทางส่งก๊าซแห่งสุดท้ายที่รัสเซียใช้สำหรับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป โดยมียูเครนเป็นทางผ่าน แต่ได้ยุติไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค หลังจากรัฐบาลยูเครนไม่ต่อสัญญา

โดยการโจมตีสถานีก๊าซเมืองซุดซา เกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากที่กองทัพรัสเซียประกาศยึดพื้นที่คืนจากยูเครนได้สำเร็จ

ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศหยุดโจมตีสถานีพลังงานของยูเครน หลังการสนทนาผ่านโทรศัพท์กับประธานาธิบดี ทรัมป์

นอกเหนือจากสถานีก๊าซเมืองซุดซาแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้คลังน้ำมัน ที่ภูมิภาคคราสโนดาร์ ซึ่งรัสเซียระบุว่าเป็นฝีมือของยูเครนเช่นกัน

ส่วนความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือยูเครน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาของเยอรมนี

มีมติสนับสนุนแผนการใช้จ่ายที่เสนอโดยคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของรัฐสภา ในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทางทหารให้แก่ยูเครนสำหรับปี 2025 อีก 3,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 110,000 ล้านบาท จากเดิมที่อนุมัติไปแล้ว 4,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 147,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการเตรียมจัดสรรงบประมาณอีก 8,300 ล้านยูโร หรือ 300,000 ล้านบาท เพื่อเป็นความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน ระหว่างปี 2026 ถึงปี 2029

โดยนายฟรีดริช แมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี ยืนยันว่า รัฐบาลชุดใหม่จะสานต่อการสนับสนุนยูเครนต่อไป เพื่อให้มีกองทัพที่แข็งแกร่ง และไม่อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบในการเจรจายุติสงคราม

สำหรับยุทโธปกรณ์ชุดใหม่ที่จะอยู่ภายแผนช่วยเหลือยูเครนชุดใหม่นี้จะมีทั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศไอริส-ที (Iris-T) ขีปนาวุธนำวิถี เรดาร์เฝ้าระวัง โดรน ยานยต์ต่อสู้ และ อาวุธเบา