ประเทศญี่ปุ่นนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก โดยปี 2567 EarthquakeList องค์กรรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเข้าใจง่ายเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทุกที่ทั่วโลกให้กับผู้คนทั่วโลก จัดให้ญี่ปุ่นขึ้นแท่น อันดับ 3 ของโลก โดยอันดับ 1 เป็น เม็กซิโก ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ซึ่งนับเป็นหนึ่งประเทศที่จัดการสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ชวนถอดบทเรียน รับมือแผ่นดินไหว แบบฉบับญี่ปุ่น
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ใช้การวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ชินโดะ” แปลตามความหมายคือ "ระดับของการสั่นสะเทือน" ในการออกคำเตือนก่อนแผ่นดินไหว มาตราส่วนนี้อธิบายระดับของการสั่นที่จุดบนผิวโลก โดยวัดจากเครื่องวัดที่ติดตั้งอยู่ทั่วญี่ปุ่น ต่างจาก มาตราส่วนขนาดโมเมนต์ (ก่อนริกเตอร์) ซึ่งเป็นมาตราที่วัดพลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจากการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งณี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องแผ่นดินไหวบ่อย เนื่องจาก ประเทศตั้งอยู่ในแนวของ วงแหวนไฟ หรือ Ring of Fire แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในขนาด 0 ชินโดะหรือน้อยกว่านั้นและสามารถตรวจจับได้เฉพาะเครื่องตรวจเท่านั้น
10 ระดับแผ่นดินไหวฉบับญี่ปุ่น
- ระดับ 0 (0–0.4) ไม่รู้สึกแต่สามารถวัดได้จากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหว
- ระดับ 1 (0.5–1.4) ระดับที่ผู้คนที่อยู่เงียบ ๆ ภายในอาคาร จะรู้สึกได้เล็กน้อย
- ระดับ 2 (1.5–2.4) ระดับที่ผู้คนที่อยู่เงียบ ๆ ในอาคารหลายคนรู้สึกได้ บางคนที่นอนอยู่อาจตื่นนอน ของในบ้านแกว่งเล็กน้อย
- ระดับ 3 (2.5–3.4) ระดับที่ผู้คนจำนวนมากในอาคารรู้สึกได้ ของในบ้านแกว่งมากขึ้น
- ระดับ 4 (3.5–4.4)ผู้คนส่วนใหญ่ตกใจ คนที่เดินอยู่ส่วนมากรู้สึกได้ ของประดับที่ไม่มั่นคงอาจร่วงลงมา สายไฟแกว่งอย่างเห็นได้ชัด พ
- ระดับ 5- (4.5–4.9) ระดับที่ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัวและรู้สึกว่าต้องยึดจับอะไรบางอย่างให้มั่นคง ของประดับที่ไม่มั่นคงจำนวนมากร่วงลงมา หน้าต่างกระจกอาจแตกและร่วง
- ระดับ 5+ (5.0–5.4) คือระดับที่ผู้คนจำนวนมากเคลื่อนไหวลำบาก กำแพงอิฐบล็อกที่ไม่เสริมความแข็งแรงอาจพังถล่มและเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ติดตั้งไม่ดีอาจล้มลง
- ระดับ 6- (5.5–5.9)คือระดับที่ยืนต่อไปลำบาก กระเบื้องบนกำแพงและหน้าต่างอาจเสียหายและร่วงลงมา
- ระดับ 6+ (5.5–5.9) คือระดับที่ไม่สามารถยืนได้หรือไม่อาจเคลื่อนที่ได้ถ้าไม่คลานไปกำแพงอิฐบล็อกส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เสริมความแข็งแรงถล่มลงมา รอยแตกจะปรากฏอยู่บนพื้นดินและมีดินถล่มขึ้น
- ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด (6.5 หรือมากกว่า) เครื่องเรือนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ยึดไว้เคลื่อนที่และล้มลงมา พื้นดินบิดเบี้ยวไปมามีรอยแตกแยกขนาดใหญ่ เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิประเทศ
รับมือแผ่นดินไหวแบบคนญี่ปุ่น
เมื่ออยู่ภายในอาคาร
- ป้องกันศีรษะของคุณและไปหลบยังสถานที่ปลอดภัย เช่น ใต้โต๊ะที่แข็งแรง
- ไม่ควรรีบออกไปข้างนอก หรือพยายามมากจนเกินไปในการปิดเตาประกอบอาหารหรือเครื่องใช้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไฟ
- เมื่ออยู่ภายในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากอยู่ร่วมกัน ไม่ควรรีบไปยังทางออก
- ไม่ควรยืนใต้หลอดไฟแบบแขวนหรือวัตถุอื่น ๆ ที่อยู่เหนือศีรษะ
- หากใช้ลิฟต์อยู่ ให้หยุดที่ชั้นที่ใกล้ที่สุด
เมื่ออยู่ภายนอกอาคาร
- อยู่ห่างจากอาคารในกรณีที่อาจเกิดกำแพงถล่ม ป้ายสัญญาณต่าง ๆ หรือกระจกจากหน้าต่างที่แตกร่วงลงมาจากด้านบน
- อพยพและเข้าไปอยู่ในอาคาร หากอาคารนั้นดูเหมือนว่าก่อสร้างมาอย่างแข็งแรง
- ระมัดระวังกำแพงอิฐบล็อกหรือเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติล้มลงมาทับ
- พยายามอยู่ห่างจากภูเขาหรือเนินที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดหินร่วงและหิมะถล่ม
- เมื่อขับรถยนต์ ไม่ควรชะลอรถโดยทันที ก่อนอื่นควรเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉิน จากนั้นก็ลดความเร็วลง ควรทิ้งกุญแจรถไว้บนรถเมื่อออกมาจากรถ
ช่างภาพพีพีทีวี
ตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

ทำอย่างไรเมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
- อาคารทั้งหลายที่ความสามารถในการต้านทานแผ่นดินไหวต่ำอาจถล่มลงมาได้ หากคุณรู้สึกกังวล ควรไปหลบภัยยังศูนย์อพยพหลบภัย
- อาจเกิดโคลนถล่มตามหน้าผาและพื้นที่ลาดเอียง หากคุณรู้สึกกังวล ควรไปหลบภัยยังศูนย์อพยพหลบภัย ถ้าไม่สามารถไปยังสถานที่เช่นว่านี้ได้ ให้อาศัยอยู่ที่ชั้นสองหรือสูงกว่านั้น หรือย้ายไปยังห้องที่อยู่ห่างจากหน้าผาและพื้นที่ลาดเอียง
- อาจเกิดภาวะดินเหลวในพื้นที่ถมใหม่และพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ ส่งผลให้พื้นผิวอ่อนตัวและมีรอยแยก ควรระมัดระวังขณะเดินในช่วงที่อพยพหลบภัย
- . เพลิงไหม้ในพื้นที่ที่อยู่ติดกันอาจลามออกไปและมาใกล้ในย่านที่คุณพักอาศัย กรุณาไปหลบภัยที่ศูนย์อพยพหลบภัยก่อนที่จะสายเกินไป
- คุณอาจต้องใช้แสงจากเทียนในช่วงที่ไฟฟ้าดับ แต่ต้องมั่นใจว่าดับเทียนทุกครั้งที่คุณไม่ได้ใช้ นอกจากนี้ก็ควรสับสวิตช์เพื่อตัดวงจรไฟฟ้าในบ้านก่อนที่จะอพยพ เพื่อป้องกันเพลิงไหม้ที่เกิดจากสายไฟฟ้าส่วนที่เสียหายหลังจากที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่อาจเกิดหลังแผ่นดินไหว
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก็มักจะมีแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงน้อยกว่าซึ่งเรียกว่าอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวระลอกหลังตามมาอีกหลายครั้ง แต่ในบางครั้ง แผ่นดินไหวที่รุนแรงมากกว่าอาจเกิดขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายนปี 2559 เกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดหรือแมกนิจูด 6.5 ในจ.คูมาโมโตะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งหากวัดด้วยมาตรวัดแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นที่มีระดับ 0-7 นั้น แผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ในระดับ 7 ประมาณ 28 ชั่วโมงหลังจากนั้น เกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดหรือแมกนิจูด 7.3 ที่บริเวณเดียวกันนี้ ดังนั้นควรระวัง
- อาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกที่อาจรุนแรงเท่ากับแผ่นดินไหวครั้งแรกในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์
- เตรียมพร้อมสำหรับอาฟเตอร์ช็อกที่มีความรุนแรงมากกว่าแผ่นดินไหวครั้งแรกในช่วง 2-3 วัน
- ระมัดระวังหินร่วงและดินถล่มที่อาจเกิดขึ้นได้
- เฝ้าระวังว่าอาจเกิดอาคารถล่มหลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่มีระดับ 6 ขึ้นไปตามมาตรวัดแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น
มีการแนะนำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเฝ้าระวังตื่นตัวต่ออาฟเตอร์ช็อกและแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากกว่าซึ่งอาจเกิดขึ้นตามมาในระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามประชาชนควรรับฟังข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้ เตรียมพร้อมเหตุฉุกเฉินแต่ไม่ควรตระหนก เพื่อให้สามารถครองสติ และเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ที่อันตราย เพราะภัยธรรมชาติบางครั้งก็มาอย่างที่เราไม่ทันตั้งตัวและไม่มีสัญญาณเตือน การรู้จักวิธีรับมือและมีสติจึงสำคัญ
ข้อมูลจาก : NHK WORLD-JAPAN,wikipedia