วันที่ 5 เม.ย. 2568 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) นำกำลังเข้าจับกุม นายเอก อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 93/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค. พ.ศ.2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ซ.แจ้งวัฒนะ 12 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือน มี.ค. 2568 ผู้เสียหาย ซึ่งประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ถูกหนุ่มปลอมใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรับจ้างงานควบคุมงานก่อสร้างโดยผิดกฎหมาย และเนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาส่งผลต่อความปลอดภัยต่อประชาชน ทั้งรับจ้างออกแบบบ้านและที่อยู่อาศัย ควบคุมและตรวจงานโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพวิศวกร จึงได้มาร้องขอให้ทางกองบังคับการปราบปราม ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ มาดำเนินคดี เนื่องจากผู้เสียหายได้ว่าจ้างวิศวกรเพื่อควบคุมงาน ที่ได้โพสต์หางานในกลุ่มเฟซบุ๊ก “สมัครงานสถาปนิก-วิศวกร-โฟร์แมน-คอนซัล-เฮดแมนและช่างฝีมือทุกสาขา”
ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อจ้างงานควบคุมก่อสร้าง โดยผู้ต้องหาได้ส่งภาพใบประกอบวิชาชีพมาให้ผู้เสียหายดูและหลงเชื่อว่าเป็นวิศวกรจริง จึงนัดผู้ต้องหาเข้าไปพบกับเจ้าของบ้านที่ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งงานดังกล่าวผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ต่อมาผู้เสียหายได้ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาตรวจงานเพิ่มเติมอีก 2 หลัง โดยครั้งนี้ผู้เสียหายได้เดินทางไปพบกับผู้ต้องหาด้วยตนเอง ซึ่งงานดังกล่าวได้เกิดปัญหาบ้านสร้างไม่ตรงหมุด ผู้เสียหายจึงได้นัดเจ้าหน้าที่รังวัดให้ไปช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อไปไซต์งาน ผู้ต้องหาเดินเข้ามาต่อว่าผู้เสียหายและท้าทาย โดยผู้เสียหายไม่เคยมีปัญหาผู้ต้องหามาก่อน ภายหลังจึงได้เดินทางไปโรงพักเพื่อลงบันทึกประจำไว้ จากนั้นตำรวจได้ให้ผู้เสียหายยืนยันหน้าตาของผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่าหน้าตาวิศวกรในใบประกอบวิชาชีพไม่ใช่วิศวกรที่ผู้เสียหายว่าจ้าง และให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อตำรวจว่าบัญชีรับโอนเงินการว่าจ้างงานเป็นบัญชีของเพื่อนผู้ต้องหา
ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ค้นข้อมูลพบชื่อวิศวกรตามใบประกอบวิชาชีพพร้อมเบอร์โทรในอินเตอร์เน็ต ซึ่งปลายสายยืนยันว่าตนคือบุคคลตามใบประกอบวิชาชีพจริง และไม่เคยติดต่อรับงานกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงทราบว่าผู้ต้องหาได้ปลอมใบประกอบวิชาชีพ โดยตัดต่อรูปผู้ต้องหาแทนที่รูปวิศวกรตัวจริง พร้อมใช้ชื่อ ข้อมูลต่าง ๆ ของวิศวกรคนดังกล่าว ผู้เสียหายจึงเชื่อแล้วว่าตนถูกหลอกให้ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล และศาลอนุมัติตามคำขอ
กระทั่งชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนติดตามตัว ทราบว่าหลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งแถวแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร จึงได้ไปซุ่มเฝ้าผู้ต้องหาหน้าบ้านดังกล่าว จนพบผู้ต้องหาเดินออกมาบริเวณนอกบ้าน จึงได้แสดงตัวเป็นตำรวจ จากนั้นได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมได้ทำการแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบและเข้าใจดีแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน” จึงได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา