เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ด้วงภู่ รองสารวัตรสอบสวน สน.สายไหม รับแจ้งเหตุรถบัสชนเสาไฟฟ้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายรายจึงประสานเจ้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าที่ดับเพลิงและรถพยาบาลใกล้เคียงเข้าสนับสนุนตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพหลโยธินด้านขาออกในช่องทางด้านซ้ายก่อนถึงแยก คปอ. ประมาณ 50 เมตร พบรถบัสนำเที่ยวของบริษัทแห่งหนึ่ง ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร อัดก๊อบปี้อยู่กับเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้ติดภายในหนึ่งรายเป็นไกด์ และมีนักศึกษาชาวอินเดียได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 10 ราย
ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งนี้ยังมีรถยนต์ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ถูกชนท้ายได้รับความเสียหายอีกหนึ่งคัน
จากการสอบถามนายนิคม อายุ 46 ปี คนขับรถ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถไปรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวอินเดีย ประมาณ 45 คน จากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปส่งยังสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือเอไอที ธรรมศาสตร์รังสิต
ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งด้านหน้าเป็นไฟแดงได้พยายามเหยียบเบรกแต่รถไม่หยุดจึงพยายามประคองรถมาเรื่อย ๆ พอถึงจุดเกิดเหตุซึ่งมีรถกำลังติดไฟแดงอยู่โดยมีรถยนต์ ตนเองจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเพราะเกรงว่าถ้าขับต่อชนรถเก๋งอาจจะทำให้ถูกอัดก๊อบปี้ได้
หลังเกิดเหตุพบว่า ไกด์ที่นั่งอยู่ตรงประตูถูกเสาไฟฟ้าและตัวรถอัดก๊อบปี้ติดอยู่ ส่วนผู้โดยสารที่เป็นนักศึกษาชาวอินเดียได้พยายามเปิดประตูด้านข้างและกระจกปีนออกมา
ด้านนายประมวล คนขับรถยนต์ เล่าว่า ตนเองเห็นรถบัสคันดังกล่าวขับตามหลังมาในลักษณะส่ายไปส่ายมาตั้งแต่ช่วงสะพานใหม่ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนกำลังติดไฟแดงในช่องทางด้านซ้ายสุดและได้มองกระจกหลังเห็นรถบัสคันเดิมยังขับในลักษณะส่ายไปมาอยู่ ทีแรกคิดว่าถ้ายังจอดอยู่คงจะทุบก๊อบปี้เพราะข้างหน้าเป็นรถเมล์ จึงพยายามหักหัวรถออกมาทางขวาเพื่อหนีแต่ไม่พ้นถูกชนท้ายรถ และโชคดีที่รถบัสหักพวงมาลัยเข้าซ้ายชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรถนนพหลโยธินขาออก ช่องทางด้านซ้าย 1 เลนส์ ใช้งานได้ 2 ช่องทางด้านขวา พร้อมประสานการไฟฟ้านครหลวง และรถยกมาดำเนินการเคลื่อนย้ายรถบัสออกจากจุดเกิดเหตุโดยเร็ว