“บิ๊กเล็ก” มองเป็นสัญญาณที่ดี หลังกัมพูชาตอบรับ ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดน

โดย PPTV Online

เผยแพร่

“บิ๊กเล็ก” มองเป็นสัญญาณที่ดี หลังกัมพูชาตอบรับ ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดน ชี้สถานการณ์ยังไม่จบ แต่คลี่คลายเรื่อยๆ - ยันคุมเชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา

พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม RBC ที่ทางกัมพูชาตอบรับเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ตามที่ตนเคยบอกกับสื่อและประชาชนไปแล้วว่า ฝ่ายกัมพูชานั้นในระดับนโยบายตอนที่ประชุม GBC ก็แสดงท่าทีที่มีความจริงใจ ที่อยากพูดคุยแบบทวิภาคี แต่ตนก็จะมาประเมินในขั้นของ RBC ซึ่งของกัมพูชานั้น จะมีทีมงานทีมเดียว เพราะฉะนั้นเขาต้องรอคุยทีละพื้นที่

พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ ช่างภาพพีพีทีวี
“บิ๊กเล็ก” เชื่อเป็นสัญญาณที่ดี หลังกัมพูชารับข้อเสนอ RBC

วันที่ 15-16 สิงหาคม 2568 ที่ จันทบุรี - ตราด

วันที่ 21-22 สิงหาคม  2568  ที่ กองทัพภาคที่ 1

และในวันที่ 25-27 สิงหาคม 2568 จะไปกองทัพภาคที่ 2

ทางฝั่งกัมพูชาจะต่างจากเรา โดยของเราจะใช้คนละหน่วยในการพูดคุย เพราะฉะนั้นการที่มีการพัฒนาจากจันทบุรี-ตราด มาที่สระแก้วก็คงตีความได้ว่า เป็นการพัฒนาจากส่วนกลาง แสดงว่าเป็นแนวโน้มไปในทางที่ดี ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังความสำเร็จในเวลาอันสั้น ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการพูดคุยหยุดยิงในหลายประเทศที่เกิดมาในโลก ใช้เวลานานเป็นปี

ทาง ศบ.ทก. และ GBC ก็คิดว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามผ่านมา 15 วัน ส่วนตัวคิดว่าเร็ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมก็ตาม แต่ขอให้กัมพูชาข้าสู่กระบวนการพูดคุย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่รัฐบาล และ ศบ.ทก. ห่วงใยเพราะทางฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการพูดคุย แต่ปัจจุบันเขาเข้าสู่กระบวนการ JBC แล้ว เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน เข้าสู่กระบวนการ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม และ RBC วันนี้ผลการประชุมยังมีการเสนอให้ตั้ง TBC ขึ้นมาอีก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ตัวเองมองว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็ต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าจะปักใจเชื่อ ซึ่งต้องประเมินผลเป็นระยะ แต่ก็ถือว่ามีความคืบหน้า

เมื่อถึงการเจรจา RBC ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 นั้นจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือไม่?

พลเอกณัฐพล ระบุว่า  ก็ต้องดูต่อไป เพราะสัญญาณจะมาจากส่วนกลาง ซึ่งหากกองทัพภาคที่ 2 ดีขึ้นกว่านี้อีก ก็แสดงว่านโยบายส่วนกลางเขาขับเคลื่อนมาเป็นแบบนี้ เราพยายามทำบรรยากาศให้ดีขึ้นที่สุด แต่ในส่วนบรรยากาศที่ยังมีความหวาดระแวง มีความยั่วยุเราก็ทำความเข้าใจกัน

ในวันนี้มีผลการประชุมกับ กองทัพภาคที่ 1 ตนถือว่าเป็นผลการประชุมที่ดีมาก เพราะมีการตั้งชุดประสานงาน มีการติดต่อกัน เพราะฉะนั้นต่อไปในอนาคตหากมีการไม่เข้าใจกันหรือมีการปฏิบัติในลักษณะที่ยั่วยุ ผู้ประสานงานก็ต้องคุยกัน ลักษณะอย่างนี้ตนอยากให้เกิดขึ้น รวมทั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ด้วย

ส่วนเรื่องการจัดระเบียบชายแดนจะต้องไปคุยกันในการประชุมที่สูงกว่านี้หรือไม่?

พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ก็คงต้องไปคุยในครั้งต่อไป และการประชุม RBC ไม่จำเป็นต้องประชุมครั้งเดียวจบ รวมถึง GBC ก็อาจจะมีต่อขึ้นไปอีก จึงอาจมีการนัดประชุมกันอีกครั้งเพื่อขยายผลต่อ ไม่ใช่ประชุมครั้งเดียวแล้วจบ เพราะฉะนั้นรายละเอียดอะไรที่ประชาชนต้องการ ก็จะสื่อสารผ่านสื่อมวลชนมาทาง ศบ.ทก. และทาง GBC ก็จะเก็บรวบรวมไว้แล้วแจ้งให้ RBC ดำเนินการต่อไป โดยมีแม่ทัพภาคเป็นประธาน

ส่วนกรณีที่ทางกัมพูชาเคลื่อนไหวเรื่องเชลยศึก และให้ล็อบบี้ลิสต์ทำหนังสือถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่วนนี้ขั้นตอนของเชลยศึกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป

พลเอกณัฐพล เผยว่า  ตอนนี้เราปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา เพราะเราสามารถควบคุมได้จนกว่าการหยุดยิงจะสมบูรณ์ และการสิ้นสุดสภาพความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เพราะฉะนั้นโดยกฎหมายแล้วเราสามารถควบคุมตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามเราดูแลเป็นอย่างดี จากที่คณะ ICRC ไปตรวจเยี่ยมก็พอใจ ว่าประเทศไทยดูแลเชลยศึกของกัมพูชาเป็นอย่างดี

ส่วนประเด็นเรื่องสถานการณ์ขณะนี้จบลงหรือยัง เพราะชาวบ้านก็กังวลและรอยืนยันจากกองทัพ?

พลเอกณัฐพล มองว่ายังไม่จบ แต่ใช้คำว่าคลี่คลาย ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะคลี่คลายไปเรื่อยๆ โดยปัจจุบันทาง ศบ.ทก. และ GBC ที่ตนสวมหมวกอยู่ 2 ใบนั้น กำลังกำหนดฉากทัศน์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร เพราะตอนแรกที่เรายังไม่กำหนดเพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ ฉะนั้นเมื่อเหตุการณ์บานปลายถึงขั้นนี้แล้วการที่จะพูดคุยโดยไม่มีกรอบก็อาจจะไม่เหมาะสม เราจึงกำหนดว่าแต่ละฉากทัศน์ควรเป็นอย่างไร แล้วให้ทุกหน่วยอยู่ในกรอบของฉากทัศน์ที่กำหนด

หลังจาก ศบ.ทก. กำหนดขึ้นมาแล้วก็จะเสนอเข้าสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเมื่อเห็นชอบจะเสนอเข้า ครม. ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้สบายใจว่าการทำงานของ ศบ.ทก. และ GBC ไม่ได้ทำงานตามลำพัง แต่เราทำงานตามขั้นตอนและไม่ได้รวบอำนาจจากคณะรัฐมนตรี หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติมาใช้เอง

เนื่องจากบางครั้งตนไปเห็นจากสื่อบางสำนักมีการวิจารณ์ว่า ศบ.ทก. รวบอำนาจของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และของคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่ เราทำตามขั้นตอนตลอด  เมื่อมีการประชุมไปได้ระยะหนึ่ง เรามีการรายงานให้กับสภาความมั่นคงแห่งชาติรับทราบ เว้นแต่เรื่องใดที่เกินอำนาจก็จะเสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาก่อน เช่น ครั้งที่ตนจะไปประชุม GBC ในประเด็นต่างๆ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาเคลื่อนไหวเรื่อง MOU 43 - 44 เรามีจุดยืนอย่างไรบ้าง?

พลเอกณัฐพล ระบุว่า ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะจริงๆ แล้วรายละเอียดมากมาย ประโยชน์ก็มีเยอะ ข้อเสียก็มีบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องพูดคุยกัน และแล้วแต่สภาฯ ด้วย หากเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องนำเข้าสภาฯ ซึ่งเราทำงานเป็นระบบ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นั้น พลเอกณัฐพล ไม่ได้ตอบคำถาม พร้อมระบุว่า ไม่ได้ยิน

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ