โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะ “โรงพยาบาลเพื่อสมองและกระดูก” จัดงานสัมภาษณ์พิเศษ พลิกโฉมการรักษาโรคข้อเข่า! เปิดนวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม VELYS™ Robotic-Assisted Solutions พร้อมโชว์เคสความสำเร็จคนไข้ โดยปัจจุบันผ่าตัดไปแล้วกว่า 180 เข่า (ตุลาคม 2024 - กันยายน 2025) สะท้อนถึงมาตรฐานการรักษาระดับสากลที่ประสานเทคโนโลยีกับความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
คุณรัฐพงษ์ อำพันวงษ์ ผู้ช่วยประธานคณะบริหาร โรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลที่พร้อมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ มุ่งเน้นการพัฒนาและจัดหาเทคโนโลยีให้เทียบเท่ากับต่างประเทศ ส่วนความสำเร็จในการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม VELYS™ เข้ามาเป็นผู้ช่วยแพทย์ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เป็นตัวเลือกให้กับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งมีอัตราการเติบโตมากกว่าปีที่แล้วถึง 40%
เหตุผลที่คนไข้เลือกใช้บริการโรงพยาบาลกรุงเทพ มองว่าโรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญ ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครัน รวมทั้งชื่อเสียงในระดับสากล อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่ามาแล้วกว่า 2,000 ข้อเข่า ขณะที่ใช้หุ่นยนต์ VELYS™ มากที่สุดในไทย มากกว่า 180 เข่า และยังไม่พบเคสผ่าตัดซ้ำ การติดเชื้อ และสามารถกลับบ้านได้ในระยะเวลาที่กำหนด คุณรัฐพงษ์ กล่าว
คุณรัฐพงษ์เล่าย้อนไปว่า ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลมีการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดในกลุ่มคนไข้ ที่มีปัญหาปอด ช่องท้อง และนรีเวช ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี จึงได้ขยายเพิ่มเติมมายังข้อเข่า ประกอบกับมีเทคโนโลยีเจเนอเรชันล่าสุด จึงได้เริ่มนำมาใช้ โดย 180 เข่าที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ในอนาคตต่อจากนี้โรงพยาบาลจะมีการใช้หุ่นยนต์เพิ่มมากขึ้น เพราะจัดเป็นเทรนด์การรักษาของโลก ตามความตั้งใจที่จะคงการบริการในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งคาดว่าในอนาคตเราจะเห็นการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดข้อสะโพก การผ่าตัดกระดูกสันหลัง เท่ากับว่าคุณภาพชีวิตของคนไข้จะดีขึ้นตามเทคโนโลยีไปด้วยโดยไม่ต้องบินไปรักษาต่างประเทศ
นพ.พนธกร พานิชกุล ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าและข้อสะโพก ระบุว่า VELYS™ Robotic-Assisted Solutions (VRAS) คือ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดข้อเข่าเทียมรุ่นใหม่ เจเนอเรชัน 4 ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของศัลยแพทย์ โดยจะเป็นผู้ช่วยสำคัญในการผ่าตัดเพื่อเข้าไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องแบบเรียลไทม์ และล็อกการเคลื่อนที่ของอุปกรณ์ไม่ให้ออกนอกตำแหน่งที่ระบุไว้ จึงไม่เพียงช่วยศัลยแพทย์ในการผ่าตัดข้อเข่าเทียมได้สำเร็จ แต่ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม คนไข้ฟื้นตัวไว งอเข่าได้มากขึ้น เดินได้เร็วขึ้นภายใน 6 ชั่วโมง ปวดน้อยลงเพราะไม่ได้มีการตัดกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นมากเท่าเดิม ทำให้เข่ากลับมาปกติมากขึ้น เหมือนย้อนกลับไปในวัยหนุ่มสาว คนไข้มีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้นตามไปด้วย และช่วยให้ข้อเข่าเทียมอยู่ได้นานขึ้น ไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ
การผ่าตัดแบบดั้งเดิมเป็นการใช้มือเล็งในการผ่าตัดกระดูก แต่การใช้หุ่นยนต์จะเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากกว่า จัดเป็นนวัตกรรมใหม่ในเมืองไทย แม้จะมีราคาสูงขึ้น แต่ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว เพราะอัตราการผ่าซ้ำน้อยลง การผ่าตัดแบบธรรมดาเพียง 5-10 ปีก็พังแล้ว ต้องมีการรื้อผ่าใหม่ซึ่งค่าใช้จ่ายแพงขึ้น ต่างจากการใช้หุ่นยนต์ที่อยู่ได้ตลอดชีวิต นพ.พนธกร กล่าว
นพ.พนธกร ระบุว่า โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นที่แรก ๆ ในเมืองไทยที่นำหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม VELYS™ เข้ามาเป็นเครื่องมือรักษา มีบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญในหลายแผนก เพราะคนไข้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ จึงต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด อีกทั้งยังเป็นผู้นำในเอเชียแปซิฟิก และส่งต่อความรู้แก่แพทย์โรงพยาบาลอื่น ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเคสการผ่าตัดการันตีกว่า 180 เข่า นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในเมืองไทย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้คนไข้เลือกมารักษา
ด้านคุณนพดล บุญเสมอ คนไข้คนแรกของโรงพยาบาลที่ผ่าตัดเข่าด้วยหุ่นยนต์ VELYS™ 2 ข้างพร้อมกัน ได้บอกเล่าประสบการณ์ในช่วง “ตัวจริง เล่าเรื่องจริง รักษาด้วย VELYS™” ระบุว่า ก่อนผ่าตัดตนเองมีความกังวลว่าการรักษาจะมีอาการเจ็บหรือไม่? จะเตี้ยลงหรือไม่? หรือต้องมีการผ่าตัดซ้ำหรือไม่? แต่หลังจากได้ปรึกษาแพทย์ ก็มีความมั่นใจในเทคนิคและประสบการณ์ของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ อีกทั้งมีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ วางแผนการผ่าตัดได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่รู้สึกปวด หลังจากลองเดินเพียง 6 ชั่วโมง ฟื้นตัวไว และยืนยันว่าไม่ปวดเลยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันออกจากโรงพยาบาล เพราะมีทีมแพทย์คอยทำกายภาพและฝึกเดิน ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
ทั้งนี้ โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลยังคงเดินหน้าพัฒนาศูนย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าและข้อสะโพกอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคข้อระดับนานาชาติ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของการรักษาด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระดับเอเชียในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ