นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ นายกสโมสรโรตารีจันทบุรี เปิดเผยถึงการทำถนนในพื้นที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ที่เข้าไปในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้เหลืออีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงจุดที่กัมพูชาขุดคลองขึ้นใหม่เพื่อเปลี่ยนทางน้ำ และสภาพภูมิประเทศ ที่เป็นแนวเขต 2 ประเทศ หวังฮุบที่ดินของไทยประมาณ 11ไร่ หรือที่เรียกว่าคลองรูปตัวยู นายเฉลิมพล เล่าย้อนถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อประมาณปี 59 หรือ 63 ตนจำไม่ได้แน่ชัด ทหารพบว่า นายทุนและชาวบ้านกัมพูชา เข้ามาบุกรุกที่ดินของไทยในจุดดังกล่าว
เพื่อทำสวนมะม่วง สวนทุเรียน ทางไทยได้ทำหนังสือประท้วงไป
โดยทางกัมพูชาเข้าใจยอมคืนพื้นที่ แต่ไม่ยอมกลบคลองใหม่ที่ขุดขึ้นมา เพื่อหวังเปลี่ยนแนวเขตดินแดน ทำให้ทางนาวิกโยธิน ต้องหารือภาคเอกชน อบจ.และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันระดมทุนในการทำถนน และการถมคลอง จนได้รถแบคโฮ 16 คัน,รถบรรทุก 30 คัน ,รถปรับหน้าดิน 2 คัน,รถบด 2 คัน , รถแทรกเตอร์ 2 คัน มาช่วยทำทางฟรีเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวระยะทาง 15 - 17 กิโลเมตร โดยทำมาแล้วประมาณ 20 วัน
ซึ่งการทำงาน ทหารต้องทำหน้าที่คุ้มกันทีมทำถนน โดย ตำรวจ ตชด.เดินนำหน้าไปก่อน เพื่อหาวัตถุระเบิดเคลียร์เส้นทาง เพราะมีระเบิดเก่าตกค้าง ทางรถแบคโฮ รถแทรกเตอร์ก็ช่วยกันดัน ล้มต้นไม้ที่ขวางทาง ซึ่งก็มีรถแบคโฮ โดนระเบิดแล้ว 1 คัน ทางกัมพูชา รู้ว่าเราเข้าไม่ถึง จึงพยายามจะฮุบที่ดิน ซึ่งล่าสุดนายเฉลิมพล ระบุว่าเจอระเบิดในพื้นที่ทำถนนวันละ 2 ลูก
นายเฉลิมพล ยังระบุว่า ความล่าช้าเกิดจากสภาพพื้นที่เป็นอุปสรรค เพราะต้องผ่านเขาอย่างน้อย 10 ลูก เป็นที่ดินเลียบคลองสภาพดินอ่อน ทำให้รถแบคโฮจมโคลน ต้องลำเลียงหินในแม่น้ำไปกลบทาง ขณะที่เส้นทางเดิมเป็นป่าละเมาะ มีแค่ทางเดินเล็กๆ สำหรับ 1 คน เดิมทีเวลาทหารเปลี่ยนผลัดในพื้นที่แต่ละครั้ง ต้องเดิน 7-8 ชั่วโมง โดยจุดนี้ฝั่งไทยเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ แต่ของกัมพูชาต้นไม้ไม่มีแล้ว ทางกัมพูชาจึงมักมาล่าสัตว์ในฝั่งไทย ซึ่งถ้าทหารเจอก็ผลักดันออก ที่ผ่านมากัมพูชาก็ถางที่ดิน ล้ำมาเรื่อยๆ มี 2 ที่ คือ พื้นที่ตัว ก. จำนวน 4 ไร่ ซึ่งเรา กลบแล้วและปักธงชาติแล้ว ส่วนอีกจุดคือ พื้นที่ตัวยู 11 ไร่ หากเสร็จแล้วก็จะปักธงชาติ และจะเทคอนกรีต เพื่อให้รถลาดตระเวนได้ ซึ่งพื้นที่ตัวยูนี้ หากเราไม่มาเจอก่อน พอต้นไม้ขึ้นทับก็จะถูกฮุบไปเลย