จากกรณีดรามาวงการพระเครื่อง ระหว่างเซียนพระชื่อดัง “บอย ท่าพระจันทร์” และ “โอ๊ต บางแพ” จากประเด็นพระเหรียญหลวงพ่อทวดปี 2508 รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์เนื้อทองคำ สร้างโดยหลวงปู่ทิม ซึ่ง “บอย ท่าพระจันทร์” เช่าซื้อมาในราคากว่า 5 ล้านบาท ขณะที่ “โอ๊ต บางแพ” มองว่าเหรียญดังกล่าวน่าจะไม่ใช่พระแท้นั้น
ล่าสุด “บอย ท่าพระจันทร์” และ “โอ๊ต บางแพ” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดรามาดังกล่าว ผ่านรายการ “โหนกระแส”
โดย “บอย ท่าพระจันทร์” บอกว่า ตนไม่เคยรู้จัก หรือซื้อขายพระกับ “โอ๊ต บางแพ” ทั้งนี้ยืนยันว่าตนอยู่ในวงการพระมา 32 ปีแล้ว ซึ่งทุกคนจะรู้จักตนในฐานะเซียนพระเหรียญ ส่วนพระเหรียญที่มีประเด็นนั้น คนที่นำพระมาขายใฟ้ตนตั้งราคา 10 ล้านบาท แต่ครั้งแรกตนไม่ได้ต่อราคาซื้อขาย และเหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญที่ไม่ค่อยมีการซื้อขายในตลาด แต่พระเหรียญดังกล่าวกลับถูกขายไปในราคา 400,000 บาท ให้กับเซียนพระท่านหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเวียนพระคนดังกล่าวเสนอขายให้ตนในราคา 6 ล้านบาท แต่ตนต่อรอง 5 ล้านบาทและตนก็ขอดูพระอย่างละเอียด เทียบกับพระอีกเหรียญที่ตนมีอยู่แล้ว เพื่อเทียบตัวตัด (ตำหนิตัดตรงขอบพระ) ซึ่งทุกอย่างตรงตามแบบของเหรียญพระรุ่นนี้ (แต่เป็นเนื้ออัลปาก้า) หลังจากนั้นตนก็จ่ายเงินซื้อเหรียญดังกล่าว 5 ล้านบาท โดยเหรียญรุ่นดังกล่าวเนื้อทองคำตนเคยเห็นเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมาแต่ตอนนั้นสู้ราคาไม่ไหวและไม่ได้ซื้อขายกัน
ส่วนกรณีตำหนิพระเหรียญรุ่นดังกล่าวต้องมีตำหนิผ่าปากนั้น “บอย ท่าพระจันทร์” บอกว่า พระเหรียญรุ่นดังกล่าวมี 2 บล็อก กรณีพระไม่มีผ่าปากนั้น หากดูที่ขอบข้างของพระ ตัวตัดพระ ทุกตำแหน่งตรงกับพระแท้ทั้งหมด ส่วนขนาดพระเนื้อทองคำที่บางกว่าเนื้ออัลปาก้า เพราะเนื้อทองคำเป็นเนื้อพิเศษซึ่งจะบางกว่าเป็นเรื่องปกติ และเชื่อว่าเป็นเหรียญที่ทำขึ้นไม่กี่เหรียญ เพื่อแจกให้คนใกล้ชิด โดยเหรียญทองคำดังกล่าวแม้ด้านหน้าบล็อกไม่ผ่าปาก แต่ด้านหลังคือบล็อกเดียวกัน ซึ่งมั่นใจว่าเหรียญแบบนี้เป็นของแท้ และยืนยันว่าใครมีพระแบบนี้ตนพร้อมซื้อ 5 ล้านบาท
ขณะที่ “โอ๊ต บางแพ” บอกว่า ตนอยู่วงการพระเครื่องมาแล้วกว่า 25 ปี ส่วนพระเหรียญที่เป็นประเด็นนั้นยืนยันว่าไม่ได้สร้างในปี 2508 และเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างก่อนปี 2512 ด้วย แต่เป็นเหรียญบล็อกย้อน หรือทำขึ้นมาทีหลัง เพราะเหรียญรุ่นนี้ที่สร้างในปี 2508 ต้องมีตำหนิผ่าปากทุกเหรียญ เพราะเป็นตำหนิที่เกิดขึ้นตอนแกะบล็อกพระ ซึ่งลบออกไม่ได้ และพระรุ่นนี้เนื้อทองคำมีตำหนิผ่าปาก มีลงในหนังสือพระทุกเล่มคนพื้นที่เคยเห็นเคยขาย และหากเหรียญรุ่นนี้สร้างในปี 2508 ถามว่าทำไมบล็อกไม่ผ่าปากไม่มีเนื้อเงิน มีแต่เนื้อทองคำ และอีกประเด็นคือเส้นรอบวงพระหากสร้างปีเดียวกันควรจะมีเส้นรอบวงเหมือนกัน เพราะใช้ตัวตัดตัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออัลปาก้า หรือเนื้อทองคำ ซึ่งตนยืนยันว่าเหรียญดังกล่าวเส้นรอบวงต่างจากเหรียญปกติ
โดยการทำพระเก๊จะเอาเหรียญพระแท้ไปถอดพิมพ์ แล้วนำพิมพ์ไปหล่อบล็อกขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะทำให้มีลักษณะไม่คมชัด หรือเรียกว่าเหรียญบวม ซึ่งเหรียญที่มีประเด็นนั้น หูเหรียญด้านหลังจะมีรอยของหูเหรียญเก่า ซึ่งเป็นร่องรอยการถอดเหรียญ และตนอยากตั้งข้อสังเกตุคือการที่พระเหรียญจะแท้หรือไม่แท้ กลายเป็นว่าเซียนพระบอกว่าแท้ก็ต้องแท้ หรือเพื่อนของเซียนพระบอกว่าแท้ก็ต้องแท้ ทั้งที่เพื่อนของเซียนพระยังโดนพระเก๊อยู่เลย ซึ่งตนสงสารคนเช่า
ทั้งนี้อยากตั้งข้อสังเกตุว่าเหรียญที่มีลักษณะเหมือนเหรียญที่เป็นประเด็นอยู่ ทำไมไม่มีประวัติการสร้างในหนังสือพระทุกเล่ม ถ้าเหรียญนี้หาประวัติการสร้างเจอคนซื้อก็สบายใจ และเหรียญนี้เอาไปขายร้านพระหลายร้านแล้ว แต่หลายร้านไม่ต่อราคาเพราะอะไร แต่มีเซียนพระคนหนึ่งต่อราคาแค่ 1 แสน และในเมื่อเป็นพระแท้คนขายจะยอมขายราคานี้ไหม เพราะรู้ว่าพระแท้ราคาเท่าไหร่ แต่ที่เขายอมขายเพราะเขารู้ว่าพระองค์นี้ไม่แท้ และพระเหรียญทองคำก่อนปี 2512 จะสร้างให้บางไม่ค่อยมี และเหรียญพระเกจิรูปอื่นในปีใกล้เคียงกันทำไมสร้างพระเหรียญทองคำที่หนาเท่าเหรียญเนื้ออื่นได้ และเหรียญทองคำที่สร้างในปี 2508 จะไปดูที่ตัวตัดไม่ได้เพราะมีเนื้อนิ่มกว่า และเหรียญทอคำจะสร้างบางไม่ได้เพราะจะทำให้พระตัดไม่ได้และนำมาห้อยไม่ได้เพราะเหรียญจะบิด และเหรียญรุ่นนี้เนื้อทองคำที่ด้านหน้าเป็นบล็อกผ่าปาก หลายเหรียญขอบด้านข้างจะเกลี้ยง และยืนยันว่าหลานของคนที่จัดสร้างบอกว่าไม่เคยเห็นเหรียญรุ่นนี้เลย
ด้าน “บอย ท่าพระจันทร์” ชี้แจงว่าเหรียญรุ่นนี้มีการตัดขอบข้าง 2 แบบ คือตัดแบบเรียบ และข้างปั๊มที่ไม่ตัดเลย ซึ่งเหรียญที่มีการตัดทั้ง 2 แบบเคยผ่านมือตนมาแล้ว รวม 9 เหรียญตั้งแต่เล่นพระมา และตนซื้อมาตั้งแต่เหรียญละแสน จนถึงเหรียญละ 10 ล้าน และยืนยันว่าหากไม่มั่นใจว่าเป็นพระแท้ตนคงไม่กล้าจ่ายเงิน 5 ล้าน และคนไม่กล้าเปิดร้านรับเช่าพระ เพราะคงจะโดนพระเก๊ทุกวัน แต่ตนเลยจุดที่จะต้องอธิบายเรื่องพระแท้ให้คนเล่นพระเก๊ฟัง เพราะเขาเข้าใจได้ยาก และการที่ตนจะบอกว่าพระแท้หรือไม่แท้มันจบที่การจ่ายเงิน ส่วนเรื่องวิจารณ์ความหนาความบางเราหาข้อยุติไม่ได้ เพราะเหรียญพระเกจิรูปอื่นก็มีเหรียญที่หนาและบางต่างกัน
ขณะที่ “พยัพ คำพันธุ์” เซียนพระชื่อดัง ในฐานะ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ต่างคนต่างมุมมอง ต่างคนต่างความคิด อะไรก็เกิดขึ้นได้หมด แต่เชื่อว่าสังคมจะตัดสินได้ และเชื่อว่าคนเล่นพระเขาไม่ได้โง่ และการจะจ่ายเงินเหรียญเป็นล้านเขาก็คงมีหลักประกัน ดังนั้นอยากให้แต่ละคนใช้วิจารณญาณ เพราะทั้ง 2 คนพูดมาก็มีเหตุผลทั้ง 2 ฝ่าย แต่ส่วนตัวของตนแล้วตนถือตัวตัดเป็นตัวหลัก
ด้าน อ.รักษ์ คาดคะเนว่า เหรียญดังกล่าวอาจจะเป็นเหรียญเสริมที่ถูกสร้างขึ้นมาเสริม เพราะการจัดงานวันนั้น มีคนนิยมพระรุ่นนี้มาก ทางวัดจึงสั่งให้โรงงานผลิตเหรียญรุ่นนี้เสริม เป็นเนื้ออัลปาก้า และคิดว่าคนที่ถูกสั่งให้ทำเหรียญเพิ่มมีการพิมพ์เหรียญทองคำเพิ่มมาด้วย
ขณะที่ นายชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง ผู้ที่ทำหนังสือพระหลวงปู่ทวด มองว่า เรื่องของความคมชัดของเหรียญ หรือตำหนิเหรียญก็วิเคราะห์กันไปได้ แต่มันไม่จบ ซึ่งพระเหรียญที่จบได้จะจบที่ตัวตัด ส่วนเรื่องเส้นรอบวงนั้นเป็นองค์วิเคราะห์อื่น แต่พระจะสรุปได้อย่างเดียวคือตัวตัดของเหรียญ ส่วนจะให้ตำหนิพระตรงกันทั้งเหรียญเป็นไปไม่ได้เพราะเนื้อโลหะต่างกัน ดังนั้นจึงต้องดูเรื่องตัวตัดเป็นหลัก