ยังคงเป็นประเด็นที่จะต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง สำหรับมาตรการการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำเขตแดนไทย บริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งครบเส้นตาย ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ยื่นคำขาดให้กัมพูชาอพยพชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชากลับยังไม่มีท่าทีตอบรับในเรื่องดังกล่าว และสื่อกัมพูชามีการรายงานว่า ชาวกัมพูชาจะไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด บริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เช้านี้เวลาประมาณ 07.00 น. พบชาวกัมพูชาประมาณ 30-40 คน
จากนั้นเวลาประมาณ 9.00 น. มีรายงานว่าตำรวจควบคุมฝูงชน และทหารเข้าพื้นที่แล้ว และพบว่ามีการนำรถพยาบาลทหารมาเตรียมพร้อมด้วย ขณะที่ฝ่ายปกครอง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำป้ายไวนิลขนาดใหญ่มาติดบริเวณทางเข้าบ้านหนองจาน ชี้แจงขั้นตอนหลังครบเส้นตายบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกบ้านหนองจานออกจากพื้นที่
ขนตู้คอนเทนเนอร์เตรียมวางกำแพงชายแดน
เวลา 09.30 น. มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ และ FC กันจอมพลัง เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 40 ตู้ เข้าพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้วเพื่อเตรียมนำไปติดตั้งตามพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว
กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตู้คอนเทนเนอร์ที่มาถึงวันนี้เป็นเพียงชุดแรกที่จะทำเป็นกำแพงในพื้นที่ชายแดน ส่วนที่จะมาวันพรุ่งนี้(11 ตุลาคม) อีก 20 ตู้คอนเทนเนอร์จะเปิดให้ประชาชน มาร่วมเขียนข้อความให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร และข้อความฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาก่อนจะนำไปทำเป็นกำแพง
ส่วนรูปแบบการติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์มีการวางแผนและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วตู้ทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่พิเศษก่อนและจะใช้หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนตัวมองว่าการที่จะมีการสร้างรั้ว กว่าจะสร้างสำเร็จอาจต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งฉะนั้นแล้วตู้คอนเทนเนอร์จะมีประโยชน์มากในการ กั้นเขตพื้นที่และอีกทั้งมีความแข็งแรงเมื่อเทียบกับกำแพงปูนสำเร็จรูป
กัมพูชาคัดค้าน ไทยเข้าพื้นที่เก็บกู้วัตถุระเบิด
ขณะที่กองกำลังบูรพา ได้ทำหนังสือแจ้ง ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 ของกัมพูชา ว่าจะเข้าดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้เช่นเดียวกัน
โดยกองกำลังบูรพา จะเข้าไปกู้ทุ่นระเบิดในเวลา 13.30 น. พร้อมนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ข้อตกลงไทย-กัมพูชา หรือ IOT และสื่อมวลชน รวมสังเกตการณ์การเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางกัมพูชา โดยกองพันทหารราบที่ 51 กองทัพภาคที่ 5 ได้ส่งหนังสือตอบรับแจ้งกวาดล้างทุ่นระเบิด ข้อความแปลเป็นภาษาไทยระบุว่า กองพลทหารราบที่ 51 แห่งกองทัพบกกัมพูชา ได้ร้องขอให้ฝ่ายไทยยุติปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดตามแผน ในพื้นที่บ้านโจกเจย (กัมพูชา) ตรงข้ามกับพื้นที่บ้านหนองจาน (ประเทศไทย) และที่ตั้งของบ้านเปรยจัน (กัมพูชา) ตรงข้ามกับพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (ประเทศไทย) โดยอธิบายว่าการดำเนินการดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของการประชุมพิเศษครั้งแรกของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568
“เพื่อตอบสนองต่อประกาศที่ออกโดยหน่วยเฉพาะกิจบูรพาของไทยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม กองพลทหารราบที่ 51 ได้อ้างอิงข้อ 6 ในบันทึกการประชุมพิเศษครั้งแรกของ GBC โดยระบุว่าปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทยจะดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนดังนี้”
“1. ฝ่ายกัมพูชาและไทยจะจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจประสานงานร่วม (JCTF) ซึ่งคณะทำงานนี้ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 68”
“2. หลังจากจัดตั้งคณะทำงาน JCTF แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะหารือและจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) จนถึงปัจจุบัน SOP ได้มีการแลกเปลี่ยนและปรับปรุงแล้วสองครั้ง ในเช้าวันที่ 9 ต.ค. คณะทำงาน JCTF ได้จัดการประชุมครั้งที่สองผ่าน VTC เพื่อหารือและปรับปรุง SOP เพื่อให้บรรลุผลในเชิงบวก เป็นที่ประจักษ์ และเป็นประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายจะหารือในประเด็นที่เหลือต่อไปเพื่อสรุป SOP ให้สมบูรณ์”
“3. หลังจาก SOP มีผลบังคับใช้ JCTF จะยังคงหารือต่อไปเพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการระบุพื้นที่สำคัญและพื้นที่นำร่องสำหรับการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม”
กองพลทหารราบที่ 51 เน้นย้ำในแถลงการณ์ว่า “ประกาศการปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่หมู่บ้านโจกเจย (กัมพูชา) ตรงข้ามกับพื้นที่หมู่บ้านหนองจาน (ประเทศไทย) และพื้นที่หมู่บ้านเปรยจัน (กัมพูชา) ตรงข้ามกับพื้นที่หมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว (ประเทศไทย) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค. 68 โดยกองกำลังบูรพา ขัดต่อเจตนารมณ์ที่ตกลงกันไว้ในการประชุมพิเศษ GBC ครั้งที่ 1”
“ดังนั้น กองพลทหารราบที่ 51 จึงขอให้หน่วยปฏิบัติการบูรพาระงับกิจกรรมที่วางแผนไว้ในประกาศ โดยให้เคารพเจตนารมณ์ของข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมพิเศษ GBC ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 และรอการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจสูงกว่า และตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบปฏิบัติ (SOP) ของ JCTF”
อย่างไรก็ตาม พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กล่าวว่า การเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดวันนี้ ยังดำเนินต่อไปตามข้อตกลงจากที่ประชุม GBC และเป็นการเข้าเก็บในพื้นที่ของไทย