กองกำลังบูรพาบุกสกัดแก๊งบัญชีม้ากลางดึก จ่อลักลอบข้ามไปปอยเปต

โดย PPTV Online

เผยแพร่

กองกำลังบูรพาบุกสกัดแก๊งบัญชีม้ากลางดึก จ่อลักลอบข้ามไปปอยเปต หลังญาติผู้เสียหายขอความช่วยเหลือ พบคนไทย 11 คน ตรวจค้นพบอาวุธปืน-ยาเสพติดด้วย

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 68 มีญาติผู้เสียหายประสานผ่านศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน (IMF)  ว่า มีคนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหลอกลวงให้สมัครงานออนไลน์และกำลังเดินทางมาที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยคาดว่าน่าจะมีการส่งผู้เสียหายผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามฝั่งไปยังประเทศกัมพูชา

ทางศูนย์ฯ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารในการเข้าช่วยเหลือ ทำให้ต่อมาในช่วงดึก กองกำลังบูรพาบุกค้นบ้านหลังหนึ่งและสามารถช่วยผู้เสียหายไว้ได้

จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต ช่างภาพพีพีทีวี
จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต

บ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 3 บ้านหนองคู ตำบลฟักห้วย อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยห่างจากสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศเพียง 6 กิโลเมตร

โดยหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปช่วยเหลือ เหยื่อทั้ง 11 รายนั้น ปรากฏว่า เจ้าของบ้านไหวตัวทัน หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว จากข้อมูลยังทราบอีกว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวนี้ คือ นายอร เพิ่งถูกจับกุมในคดียาเสพติด โดยพบนำรถไปจอดไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในขณะที่มีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นกำลังลักลอบพาคนไทยหลบหนีออกไปทำงานกัมพูชาและเพิ่งได้รับการประกันตัวมาเมื่อวันที่ 12 ต.ค.

จากการตรวจค้นภายในบ้านหลังนี้ พบผู้เสียหายทั้งหมด 11 คน และยาเสพติดอยู่ใต้ที่นอนจำนวน 2 เม็ด และตรวจค้นห้องน้ำภายในบ้านพบอาวุธปืน 1 กระบอก

จากการสอบถามสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ยืนยันว่า ไม่เคยมีข้อมูลได้รับแจ้งว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีการกระทำความผิดโดยการนำผู้เสียหายมากักขังไว้เพื่อเตรียมส่งไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ทางตำรวจเองบอกว่า เดี๋ยวจะต้องตรวจสอบในเรื่องของยาเสพติดและความผิดอื่นด้วย

หลังจากที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปพูดคุยกับหนึ่งในผู้เสียหาย เท่าที่สังเกตดูสีหน้าท่าทางเหยื่อดูอิดโรย หนึ่งในเหยื่อเปิดเผยว่า มีเพื่อนติดต่อมาให้ไปทำงานเสริมสวยที่ปอยเปต โดยเรื่องเงินอยู่ที่ว่าจะทำงานได้เท่าไหน่ โดยเพื่อนบอกว่าจะพาข้ามไปทางช่องทางธรรมชาติ มีตัวแทนไปรับมา

และในเวลา 3 ทุ่ม 40 นาที นายวสันต์ ดุสิต กำนันตำบลฟากห้วย เดินทางมาตรวจสอบ โดยเท่าที่สอบถามกำนันยืนยันว่าไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อน ว่าบ้านหลังนี้มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการลักลอบนำคนไทยหลบหนีไปทำงานที่กัมพูชา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตัวกำนันเองก็รู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้ เห็นว่ามีอาชีพตัดไม้ และก็เป็นคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร

ต่อมา พ.ต.อ. ชูชาติ คงเมือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ เดินทางมาตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหายทั้งหมดอยู่ประมาณ 10 นาที จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ ที่สภ.อรัญประเทศ

จากการสอบถามหญิง ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เธออ้างว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนสมัยเด็ก โดยเพื่อนอ้างว่าเปิดร้านเสริมสวยในปอยเปตมาหลายปีแล้ว ต้องการให้เดินทางไปทำงานด้วย เนื่องจากตนต่อขนตาเป็น โดยจะได้รับค่าจ้างหัวละ 300 บาท

ส่วนการเดินทางเพื่อนระบุว่า จะให้ข้ามไปปอยเปตโดยช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยมและเพื่อนใช้เป็นทางผ่านในการข้าม โดยค่าใช้จ่ายในการข้ามแดนจะออกให้ทั้งหมด เมื่อถามว่า ไม่ทราบหรือว่าขณะนี้มีการปิดด่าน และไทย-กัมพูชา มีความตึงเครียดต่อกัน เธออ้างว่าทราบ แต่เพื่อนบอกว่าไม่ต้องกังวล ยืนยันว่าไม่ได้เปิดบัญชี หรือนำบัญชีไปด้วย และไม่ได้ไปเป็นบัญชีม้า สแกมเมอร์ หรือคอลเซ็นเตอร์

หลังจากที่ทหาร ตำรวจ บุกเข้ามาตรวจค้น เธอได้ทักไปบอกเพื่อนที่ชักชวน แต่เพื่อนกลับบล็อกเธอทุกช่องทาง จึงเชื่อว่าตนเองถูกเพื่อนหลอก ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน ก็อ้างว่าจะไปทำงานต่อเล็บ และถูกหลอกมาเช่นกัน ยืนยันไม่ได้จะข้ามไปเป็นบัญชีม้า

จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต ช่างภาพพีพีทีวี
จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต

นายเบิร์ด ตัวแทนศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน (IMF) ระบุว่า เริ่มแรกมีญาติผู้เสียหายติดต่อผ่าน สภ.โป่งน้ำร้อน ก่อนที่จะประสานมายังศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน (IMF) ว่าน้องสาวอายุ 18 ปี ถูกหลอก ตนจึงให้ญาติเดินทางมาหาที่ศูนย์ฯ ซึ่งเหยื่อได้มีการติดต่อกับญาติอยู่ตลอดเวลา และส่งพิกัดแรกมาให้อยู่บริเวณแนวชายแดนคลองลึก ซึ่งตอนแรกคาดว่าน้องน่าจะออกไปแล้ว แต่น้องก็ส่งกลับมาว่ายังอยู่ที่เดิม และดูแล้วว่ายังอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย จึงติดต่อ พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 จากนั้นจึงมีการวางแผน และเข้าไปที่บ้านพิกัดแรก แต่ไม่เจอ และเริ่มไล่พิกัดเดิม จนพบจุดที่หายไป จึงรู้ว่าอยู่ตรงนี้ และตามมาที่นี่ และพบว่าอยู่ที่นี่ทั้งหมด 11 คน

เบื้องต้นผู้เสียหายที่ร้องขอความช่วยเหลือมาที่ศูนย์ฯ มีแค่ 2 คน ที่เหลืออีก 9 คนยังไม่ได้ระบุว่าเขาคือผู้เสียหายหรือไม่ เพราะว่าแต่ละคนที่สอบถามไม่ยอมรับและไม่พูด โดยตอนแรกให้ทุกคนออกมาทั้งหมด แต่มีบุคคลหนึ่งซุกอยู่กับราวผ้าในห้อง และเมื่อเปิดไฟก็เจอยาบ้าอยู่ 2 เม็ด พร้อมกับอุปกรณ์การเสพ และยาไอซ์ที่เสพแล้ว ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า มีบุคคลที่ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว 6 คนด้วยรถกระบะหนึ่งคัน ก็จะต้องไปสืบต่อ

ซึ่ง 6 คนดังกล่าวก็ไม่ทราบว่าตรงนี้มีการบุกค้นและเข้าจับกุม โดยก่อนหน้านี้เขาก็ยังไม่ทราบและมีติดต่อผู้เสียหายมาว่าจะเข้ามารับ และยังไม่ได้มีการสอบถามว่าจะเดินทางไปที่กัมพูชาด้วยช่องทางไหน ตอนนี้ปล่อยให้เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนมั่นใจว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน เพราะจากการสอบถามทุกคนบอกว่าไม่มีใครเปิดบัญชีม้า

ส่วนจะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยืนยันกับไทยอย่างไม่เป็นทางการว่าปอยเปตไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายเบิร์ดบอกว่า “ฝากบอกเขาว่ามาขอพิกัดที่ผมได้ ผมมีทุกที่ และไม่มีลดลงด้วย จะกระจายจากตึกสูงแยกออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เรามีพิกัดอยู่ 30 พิกัดที่ศูนย์ฯ ซึ่งอันนี้คือที่ชัดเจน แต่ที่ไม่ชัดเจนยังมีอีกมาก อย่างก่อนหน้านี้ที่เป็นเคสน้องที่โดดน้ำหนีมา ก็อีกหนึ่งพิกัด ซึ่งบริเวณดังกล่าวทางกัมพูชาได้ติดกล้องวงจรปิดไว้หมดแล้ว”

นอกจากนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับพี่ชายของผู้เสียหาย เนื่องจากตัวน้องสาวอายุเพียง 18 ปี ที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาว จ.สระบุรี ขณะนั้นพบว่ายังมีอาการผวาอยู่ ยังไม่สามารถเล่าเหตุการณ์อะไรได้ ซึ่งผู้เสียหายรายนี้เป็นคนแจ้งเบาะแสจนสามารถช่วยเหลือทุกคนในครั้งนี้ได้

โดยพี่ชาย เล่าว่า น้องหางานออนไลน์จากเฟซบุ๊ก แล้วมีงาน ๆ หนึ่งเป็นงานแพ็กของ งานโรงงาน ฯลฯ แต่ได้ยินมาว่า ให้ไปทำงานที่ กทม. ซึ่งน้องสาวก็ไปที่ กทม. จริง ๆ แต่พอไปถึงเขาให้ไปเปิดบัญชี ก่อนบอกว่าจะพาไปทำงานโรงงาน แล้วจะมีไรเดอร์มารับไปจุดเช็กพอยต์ต่าง ๆ และมีการเปลี่ยนรถและคนขับเรื่อย ๆ โดยออกเดินทางมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11 ต.ค. และมาถึงที่อรัญฯ เช้าวันที่ 13 ต.ค.

ซึ่งน้องมีการติดต่อกับทางบ้านตลอดเวลา แล้วน้องขอความช่วยเหลือมา ซึ่งน้องพยายามไลน์บอก โดยแคปภาพจากกลุ่มหางาน ซึ่งมีรูปบัตรประจำตัวประชาชนและมีแบงก์พันอยู่ด้านหลัง รวมทั้งแจ้งว่าผ่านการสัมภาษณ์สัมภาษณ์งานแล้ว จึงเอะใจและคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงหน้าม้า ทำไมไม่สัมภาษณ์ก่อนมา และเชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์น่าจะมีพฤติกรรมประมาณนี้ ตนจึงประสานมาที่ศูนย์ IMF กระทั่งทหารให้ความช่วยเหลือ ส่วนพิกัดน้องสาวส่งให้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว

ทั้งนี้ รู้สึกโชคดี เพราะน้องติดต่อมาเรื่อย ๆ ส่วนถ้าหากช่วยไม่ทัน ก็อาจถูกส่งข้ามไปฝั่งโน้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องพยายามช่วยน้องให้ถึงที่สุดก่อน

ด้านนางแจ๋ม เพื่อนบ้าน ระบุว่า ไม่ได้สนิทกับเจ้าของบ้านที่ถูกเข้าตรวจค้น แต่เมื่อช่วงเที่ยง (13 ต.ค.) เจ้าของบ้านได้ขับรถยนต์กระบะเข้ามาภายในบ้าน แต่ก็ไม่เห็นบุคคลอื่นมาด้วย เพราะไม่ได้สังเกต แต่บางครั้งนางแจ๋ม ระบุว่า พบบุคคลแปลกหน้านั่งอยู่หลังบ้านดังกล่าว ลักษณะคล้ายเสพสารเสพติด แต่ตนไม่แน่ใจ ส่วนเจ้าของบ้านทราบว่าประกอบอาชีพตัดไม้ ส่วนอาชีพลักลอบพาคนข้ามแดนนั้น ตนเองไม่ทราบมาก่อน

จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต ช่างภาพพีพีทีวี
จับบัญชีม้ากลางดึกก่อนลักลอบข้ามปอยเปต

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ