อนาลโย กอสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและความมั่นคง มองกรณี "กัน จอมพลัง" ให้หน่วยงานติดต่อซื้อเกราะโดยเจาะจงบริษัทตามที่มีข่าวว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือ การที่กองทัพออกมาปฏิเสธว่าไม่ขาดแคลนยุทธภัณฑ์ ทั้งที่เคยชี้แจงใน กมธ.ทหาร ยอมรับว่า มีการนำเกราะหมดอายุมาใช้ในช่วงเหตุปะทะ
นายอนาลโย กอสกุล ที่ปรึกษา กมธ.ทหาร และบรรณาธิการเว็บไซต์ ThaiArmedForce ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ประเด็นที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่เรื่องของบริจาคทั่วไป แต่เป็นของบริจาคที่เป็นยุทธภัณฑ์ ซึ่งกองทัพบก
เคยยืนยันว่าไม่ขาดแคลน ไม่รับบริจาค แต่ใครมาบริจาคให้ถือเป็นการรักษาน้ำใจ ซึ่งการที่กัน จอมพลัง โชว์หนังสือตราครุฑว่าหน่วยในกองทัพบก ส่งหนังสือมาขอรับบริจาคเสื้อเกาะ Level 4 ซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ ถือว่าเป็นการเคลียร์ตัวเองในระดับหนึ่ง
มองว่า กองทัพบกมี 2 ทางเลือก คือ ถ้าเห็นว่าเป็นเอกสารปลอมต้องดำเนินคดี ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ แต่ถ้าเป็นเอกสารจริง กองทัพบกควรดำเนินการทางวินัยกับหน่วยต่าง ๆ ที่ส่งหนังสือไปขอรับบริจาคจาก “กัน จอมพลัง” เพราะหน่วยเหล่านี้ขัดคำสั่งหรือปฏิบัติการโดยพลการ ขัดกับนโยบายของกองทัพบก
แต่ถ้า “กัน จอมพลัง” ไม่ส่งเอกสารให้ตรวจสอบหรือไม่เปิดเผยเอกสารขอรับบริจาค ก็อาจกลายเป็นว่าคำกล่าวอ้างนั้นเป็นคำกล่าวอ้างเลื่อนลอย ซึ่งก็ต้องระวังจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุด “กัน จอมพลัง ควรส่งเอกสารหรือเผยแพร่เอกสารให้สังคมได้รับรับทราบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทางกองทัพน่าจะต้องตอบคำถามมากทีเดียว
นายอนาลโย ยังให้ความเห็นว่า กรณี กัน จอมพลัง กับหน่วยงานเจาะจงซื้อเกราะจากบริษัท ที่เป็นข่าวไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในไทยมีแค่บริษัทเดียวที่มีขีดความสามารถในผลิตเกราะ ตั้งแต่ต้นยันปลาย และกองทัพเองก็ซื้อจากบริษัทนี้อยู่แล้ว และถ้าสมมุติว่าหน่วยงานอยากได้เกราะแบบเร่งด่วน ก็ทำหนังสือไปหา “กัน จอมพลัง” แล้ววิ่งไปขอซื้อกับบริษัท โดยให้ “กัน จอมพลัง” โอนเงินเข้าบริษัทตรงก็ไม่แปลก เพราะทั้ง 3 ฝ่าย ต้องการหลบข้อกำหนดในกฎหมายควบคุมยุทธภัณฑ์
นายอนาลโย ยังระบุว่า กองทัพมีเกราะที่ใช้หมุนเวียนอยู่ 7 หมื่นแผ่น พร้อมอธิบายว่า คำว่าใช้หมุนเวียนก็คือ ไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ที่ทุกหน่วยทหารจะมี ถ้าพูดภาษาเทคนิคก็คือ เฉพาะหน่วยกองกำลังที่อยู่ชายแดน ใครที่เวียนมาขึ้นกองกำลัง ก็จะรับส่งต่อเกราะกัน แผ่นเกราะมีอายุราว 5 ปี ก็ต้องปลด
ส่วนเกราะ 7 หมื่นแผ่น จะกระจายทั่วประเทศ แต่เหตุปะทะชายแดนคราวนี้ เราใช้หน่วยค่อนข้างเยอะ ที่ไปอยู่พื้นที่อีสานใต้ เชื่อว่า มีเกราะอยู่ไม่เกิน 2 หมื่นแผ่น จึงเกิดภาวะเกราะขาดแคลน ซึ่งกองทัพเองเคยยอมรับในที่ประชุม กมธ.ทหาร ก่อนจะมีประเด็นนี้ว่า ต้องเวียนเกราะที่หมดอายุมาใช้ แต่จะเป็นเกราะที่ผ่านการสุ่มยิงทดสอบแล้วว่า ยังมีคุณสมบัติในการหยุดกระสุนได้
เพียงแต่ตอนนั้นกองทัพยืนยันว่า หน่วยที่อยู่แนวหน้าจริงๆ ที่ต้องเป็นหน่วยรบปะทะ ยังได้ใช้เกราะที่ยังไม่หมดอายุครบทุกคน ส่วนหน่วยสนับสนุนที่อยู่ข้างหลังที่มีความเสี่ยงถูกยิงน้อย ก็จะเป็นเกราะที่หมดอายุ ดังนั้นจึงมองว่า ถ้าเกิดมีใครสักคนบอกว่า จะบริจาคเกราะให้หน่วยที่อยู่ในพื้นที่ก็ต้องเอาไว้ก่อน