ยังคงตามต่อเนื่องกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แฉนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.พรรคกล้าธรรม เอี่ยวเว็บพนัน แม้ว่า นายชนนพัฒน์ออกมาชี้แจงว่าเรื่องที่ถูกแฉเป็นคดีเก่าที่ตัวเองเคลียร์ไปหมดแล้ว
แต่ล่าสุด นายอัจฉริยะ ได้นำเอกสารบันทึกรายงานการสืบสวนขยายผลคดีจับกุมเครือข่ายเว็บพนัน มายืนยันกับทีมข่าวว่า การที่นายชนนพัฒฐ์ออกมาชี้แจ้งว่าคดีเว็บพนันเป็นเรื่องเก่าที่เคลียร์คดีไปหมดแล้ว ไม่เป็นความจริง และอ้างว่าการหลุดคดีของเขาเพราะมีตำรวจไซเบอร์ 2 นายช่วยเหลือ
นายอัจฉริยะ บอกอีกว่า นายชนนพัฒฐ์ จากเดิมเป็นแค่เด็กเดินโพยพนันฟุตบอล แต่ช่วงเวลาแค่3-4ปี ทำไมถึงมีเงินเป็นพันล้าน จึงอยากฝากถามว่า ทำอาชีพอะไรถึงมีเงินเยอะขนาดนั้น เพราะ จากข้อมูลที่ตัวเองมี นายอัจฉริยะ อ้างว่า มีเส้นเงินที่เกี่ยวข้องทั้งเว็บพนัน และยาเสพติดด้วย
นายอัจฉริยะ ให้ข้อมูลว่า เอกสารรายงานคำให้การระบุชัดเจนว่า นายชนนพัฒฐ์ เป็นเจ้าของเว็บพนัน และ เกี่ยวข้องกับเส้นเงินเว็บพนันจำนวน 76 ล้านบาท จนต่อมา ตำรวจชุด PCT4 เข้าจับกุมนายชนนพัฒฐ์ พร้อมพวกที่สนามบิน แต่ปรากฏว่า หลังจากนั้น มีตำรวจไซเบอร์ชุดทำคดี 2 คน ชื่อ ป. และ น. กลับคำให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนจนรอดคดีไม่ถูกสั่งฟ้อง
นายอัจฉริยะ บอกว่า ตำรวจ 2 นายนี้ ถือเป็นจุดพลิกคดี ซึ่งส่วนตัวมองว่า ตำรวจยศเล็กๆ ไม่น่ากล้าเข้ามาช่วยเหลือผู้ต้องหาถ้าไม่มีผลประโยชน์ หรือได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ตัวเองจึงไปร้องเรียนจเรตำรวจให้ตรวจสอบ จนขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบพบว่า มีการช่วยเหลือทางคดีกันจริง และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจทั้ง2นายในข้อหา ตาม ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ร่วมกันช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาส่งฟ้องคดี ไปยังอัยการคดีทุจริตภาค9 แต่ผ่านมา1ปี คดีก็ถูกดองไว้
โดยตัวเองได้ข้อมูลมาว่า “มีผู้ใหญ่ในตำรวจไซเบอร์ข่มขู่ ว่าหากสั่งฟ้อง จะเปิดเส้นทางการเงินบัญชีม้าเว็บพนันของ พิมพิไล ที่เชื่อมโยงไปถึงตำรวจภาค9 ทำให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9นายหนึ่ง บีบ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ไม่ให้สั่งฟ้องคดี”
นายอัจฉริยะ บอกว่า อาชญากรรมออนไลน์ มีตำรวจบางกลุ่มเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์ บางคนเป็นหุ้นส่วนด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมสำนวนคดีถูกดองไว้และที่ผ่านมาไม่เคยเรียกตัวเองไปสอบปากคำในฐานะผู้ร้องเรียนเลย
ซึ่งจากข้อมูลตอนนี้ที่ตัวเองรวบรวมมาได้เส้นเงินของนายชนนพัฒฐ์ ไม่ใช่แค่ 170ล้านบาทแล้ว เพราะในระบบทั้งกระบวนการมีเส้นเงินหมุนเวียนเกือบ2000ล้านบาท เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษได้ เพราะตามเกณฑ์คือ 300ล้านบาทขึ้นไป โดยวันจันทร์ที่ 3 พ.ย.ตัวเองจะไปยื่นเรื่องถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษให้รับสอบสวนคดีนี้ด้วย
ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ นายชนนพัฒฐ์ ลงเล่นการเมืองสังกัดพรรคกล้าธรรม ของนายธรรมนัส พรหมเผ่า จะยิ่งกล้ากระทำความผิดมากขึ้น เพราะถือว่ามีแบ็กดี โดยก่อนหน้านี้ตัวเองได้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี และ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปแล้ว เชื่อว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็คงได้คุยกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่าจะมีการช่วยเหลือกันหรือไม่