กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยแพร่ข้อความชี้แจง กรณี "เสี่ยโจ้" นายสหชัย เจียรเสริมสิน นักธุรกิจชื่อดัง จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาหนีคดีฟอกเงิน จากการค้าน้ำมันเถื่อน ที่หลบหนีนานหลายปี ก่อนถูกตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุมได้ที่ย่านห้วยขวาง กทม. เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 10 พ.ย. นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้รับการปล่อยตัว ได้รับอิสรภาพ หลังจากตำรวจส่งตัวให้พนักงานอัยการ
รวบ "เสี่ยโจ้" เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อน
จับอีก 101 คน เมียนมาลอบเข้าไทย พบเสียค่านายหน้ารายละ 25,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับนายสหชัย หรือโจ้ ในความผิดเกี่ยวกับการค้าน้ำมันเถื่อน และมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน ต่อมาจึงได้มีการออกหมายจับนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน”เสี่ยโจ้ ได้พยายามหลบหนีการจับกุมเรื่อยมา
จนกระทั่งวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ตำรวจสอบสวนกลางสามารถจับกุมตัวนายสหชัย หรือโจ้ ได้ที่ตลาดกลางคืนย่านห้วยขวาง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงได้นำตัวนายสหชัย หรือโจ้ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ได้ปรากฏข่าวตามสื่อต่างๆ ในกรณีที่นายสหชัยฯ หรือโจ้ ได้รับการปล่อยตัว ทางตำรวจสอบสวนกลางจึงขอชี้แจงประเด็นในการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนี้
การจับกุมนายสหชัยฯ หรือโจ้ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนายสหชัยฯ หรือโจ้ ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ 60/2564 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งหมายจับดังกล่าวเป็นหมายจับที่ชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่ถูกถอนจากสารบบแต่อย่างใด
การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเป็นการกระทำโดยใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และถึงแม้ว่าภายหลังทางพนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ก็ตาม ในส่วนนี้ยังคงอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาขอความเห็นจาก ผบ.ตร. ว่าเห็นพ้องหรือเห็นแย้งในกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องหรือไม่
สำหรับการส่งตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้ ไปยังอัยการจังหวัดสงขลานั้น เป็นการส่งตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้ ไปยังสำนักงานอัยการตามที่ได้มีการส่งสำนวนคดีไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดสงขลาก่อนหน้านี้ เพื่อให้พนักงานอัยการส่งฟ้องนายสหชัยฯ หรือโจ้ ต่อศาลตามอำนาจต่อไป
ในส่วนของความเห็นของพนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง เป็นอำนาจและดุลพินิจของทางพนักงานอัยการ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองได้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างสุดความสามารถ
สำหรับเหตุที่ไม่ได้ส่งตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้ ไปยังศาลปัตตานีนั้น เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบในสารบบแล้วพบว่า นายสหชัยฯ หรือโจ้ มีหมายจับของศาลจังหวัดสงขลาเพียงหมายจับเดียว ไม่พบหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานีที่นายสหชัยฯ หรือโจ้ ไม่ได้เข้ารับโทษตามคำพิพากษาของศาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมิได้นำตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้ ส่งไปยังศาลจังหวัดปัตตานี
ในส่วนของกรณีที่นายสหชัยฯ หรือโจ้ ได้รับการปล่อยตัวหลังจากนำตัวส่งพนักงานอัยการแล้วนั้น ถือเป็นดุลพินิจของทางพนักงานอัยการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวนายสหชัยฯ หรือโจ้แต่อย่างใด
เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่นฯ ถึงข้อมูลหมายจับค้างเก่าของนายสหชัยฯ หรือโจ้ แล้ว พบว่านายสหชัยฯ หรือโจ้ ไม่มีหมายจับค้างเก่าคดีอื่นๆ การชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเป็นการชี้แจงต่อพนักงานอัยการตามข้อมูลที่ตรวจพบ ณ ขณะนั้น
ตำรวจสอบสวนกลาง ยังคงให้ความสำคัญสำหรับการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ยึดหลักความถูกต้อง ยุติธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด"
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เผยว่า จากการจับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ปัตตานี ล่าสุดตอนนี้อยู่ในขั้นตอน การทำเอกสารสำนวน เพื่อเตรียมส่งกลับมาที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผบ.ตร.พิจารณา ว่ามีความเห็นแย้งหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ทราบ คาดว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีความเห็นแย้งเรื่องที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนกรณีที่ระบุว่า ไม่พบคดีค้างเก่าที่ศาลปัตตานี ผบช.ก ระบุว่า ได้สอบถามไปยังศาลจังหวัดปัตตานี ให้ตรวจสอบหมายจับของเสี่ยโจ้แล้ว แต่ทางศาลก็แจ้งว่าไม่มีหมายจับในระบบ ทำให้ตำรวจกองปราบต้องนำตัวเสี่ยโจ้ส่งศาล จ.สงขลา ในช่วงกลางดึกของวันศุกร์ที่ 5พ.ย. ที่ศาลปัตตานีระบุว่า ไม่มีเอกสารในระบบ ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าขัดข้องในส่วนธุรการหรือส่วนไหน จึงไม่มีข้อมูลดังกล่าวทั้งในระบบของตำรวจ และศาลในส่วนนี้คงต้องไปถามข้อเท็จจริงจากศาล จ.ปัตตานี เบื้องต้นคาดว่า เสี่ยโจ้หนีออกนอนประเทศไปแล้ว เพราะจากข้อมูลพบว่ามีความสนิทสนมกับคนระดับสูงของประเทศเพื่อนบ้าน