เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 มีรายงานความคืบหน้า คดี อดีต "ผู้กำกับโจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ และพวกตำรวจสภ.เมืองนครสวรรค์ รวม 7 คน รุมทำร้ายทรมานและใช้ถุงคลุมศีรษะ เป็นเหตุให้ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิต คดีนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ส่งสำนวนให้อัยการเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องทุกข้อหา ซึ่งทีมโฆษกสำนักงาอัยการสูงสุดปฏิเสธข่าวนี้
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกกายน 2564 "นาย ประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันกับพีพีทีวี นิวมีเดียว่า กระแสข่าวที่ว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องอดีตผู้กำกับโจ้และพวกแล้วนั้นไม่เป็นความจริง ผู้ให้ข่าวก็ไม่ใช่อัยการ ไม่เกี่ยวข้องในคดี
นายประยุทธ ยืนยันว่า คดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณา โดยล่าสุด ทางอัยการสูงสุด สั่งให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ สอบสวนให้สิ้นสงสัยในบางประเด็น รวมทั้งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมด้วย แต่ยังเปิดเผยไม่ได้
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ทีมงาน อสส.จะแถลงข่าวขี้แจงเรื่องนี้ในวันจันทร์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ press center ชั้น 2 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ส่วนประเด็นที่ว่าโทษของอดีตผู้กำกับโจ้ถึงขั้นประหารชีวิตนั้น นายประยุทธ ระบุว่า อดีตผกก.โจ้ ถูกแจ้งข้อกกล่าวหา มาตรา 289 (ฆ่าโดยทรมาน ทารุณ) ต้องระวางโทษประหารชีวิตอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม มีความเห็น สั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ และพวกดังนี้
1.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
2.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
3.ร่วมกันฆ่าโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิตสถานเดียว
4.ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นหรือผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมสิ่งนั้น
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 (ร่วมกัน) , 91, 157, 309 วรรคสอง, 289 (5)
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172