เทคนิควางแผนการเงินก่อนซื้อรถ 'รู้เรา-รู้รถ' หมดห่วงการอนุมัติ
ร้องถูกมิจฉาชีพหลอกซื้อ-ขายรถ เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ผู้เสียหายหลายสิบคนที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกขโมยรถยนต์ เดินทางมายังสถานีตำรวจ เพื่อร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ให้เอาผิดกับนายคูณทวี ประเสริฐสังข์ และครอบครัวที่ต้มตุ๋นชาวโซเชียล ด้วยการให้ลูกสาวทำทีทักไปติดต่อขอซื้อรถโดยไม่จ่ายค่าขายดาวน์ และหนีหายไป
ขณะที่ผู้เสียหายกำลังจะเข้าแจ้งความกับตำรวจ ได้เจอกับแม่ลูกซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งต้มตุ๋นที่เข้ามาจะแจ้งความเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานที่กลุ่มผู้เสียหายเคยนำเรื่องราวไปเปิดโปงบนโลกโซเชียล ทำให้เกิดการต่อว่าของกลุ่มเหยื่อที่มาถึงสถานีตำรวจก่อนหน้านี้
ซึ่งหลังเหตุการณ์ดังกล่าวทางแม่และลูกซึ่งเป็นมิจฉาชีพได้เลิกการแจ้งข้อกล่าวหา และเดินหนีไป
ทีมข่าวมาถึงที่พักอาศัยของนายสงฆ์กา ไชยกุฉิน ผู้เสียหายที่นำป้ายไวนิลที่เคยนำไปร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายคูณทวี และครอบครัว มาติดโชว์ให้ทีมข่าวบันทึกภาพ และเล่าเรื่องราวให้ทีมข่าวฟังว่า เริ่มแรกเขาทำงานด้านการทำขนส่ง แต่เจอสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำให้ตัดสินใจขายดาวน์รถด้วยการโพสต์ขายในเฟซบุ๊ก ต่อมาลูกสาวของแก๊งนี้ ได้ทักแชทเข้ามาทำทีบอกบอกว่าพ่อต้องการใช้รถส่งขนม และขอนัดดูรถที่บ้านพักย่านคลองหลวง เขาจึงได้เดินทางไปหาครอบครัวดังกล่าว ในวันที่ 29 พฤศจิกายน และคิดราคาขายดาวน์ไป 45,000 บาท และค่าเปลี่ยนสัญญาในราคา 7,000 บาท
โดยมิจฉาชีพบอกว่า อีกสองสามอาทิตย์จะเอาเงินมาให้ นายสงฆ์กาเห็นบ้านสภาพเสื่อมโทรม จึงนึกสงสารเลยเชื่อใจมิจฉาชีพ 3 วันถัดมาจึงมีการนัดมอบรถกันที่สภ.คูคต โดยมิจฉาชีพหว่านล้อมให้เขาลงบันทึกประจำไว้ เพื่อให้สามารถนำรถคันดังกล่าวไปวิ่งที่ต่างจังหวัดได้
ขณะนั้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนสัญญา เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินก้อนพอ แต่จะส่งค่างวดรถให้กับให้กับไฟแนนซ์โดยตรง เดือนละ 7,600 บาท ซึ่งนายคูณทวีได้จ่ายค่างวดรถติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 เดือน ก่อนหนีหายไปพร้อมกับรถยนต์ ทำให้ตอนนี้เขาต้องรับภาระในการจ่ายค่าผ่อนงวดรถเองมาแล้ว 5 เดือน โดยที่ไม่รู้ว่าขณะนี้รถที่มีชื่อของตัวเองไปอยู่ที่ไหนแล้ว
รูปแบบการหลอกลวงของมิจฉาชีพรายนี้ คือผัดผ่อนค่าขายดาวน์และบ่ายเบี่ยงในการเปลี่ยนสัญญาเจ้าของรถไปเรื่อย ๆ โดยอ้างว่ายังไม่มีเงิน แต่จะส่งค่างวดผ่อนรถให้ไฟแนนซ์ไประยะนึง จนพ้นอายุความในบันทึกประจำวันที่มีอยู่ 3 เดือน ก่อนจะทำการหลบหนีหายไปพร้อมรถยนต์ของผู้เสียหาย ซึ่งเหยื่อทุกคนเชื่อว่ารถยนต์ที่หายไปถูกนำไปขายทอดในตลาดมืดแล้ว
ทั้งนี้ แหล่งข่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีผู้ตกเป็นเหยื่อของครอบครัวนี้ประมาณ 20 ราย และมีผู้เสียหาย 2 คน ถึงขนาดตรอมใจเสียชีวิตหลังทราบว่าถูกโกงจากกลุ่มมิจฉาชีพ แต่เมื่อทีมข่าวโทรไปสอบถามกับญาติ ทราบว่าบางคนก็มีโรคประจำตัว จึงยังยืนยันสาเหตุว่าเกิดจากเรื่องนี้ไม่ได้
ขณะที่พ.ต.ท.เฉลียว บุญฤทธิ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ของนายสงฆ์กา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า สำหรับกรณีนี้ทางพนักงานสิบสวนของสภ.คูคต ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกหมายเรียกฉบับที่สอง เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายฐานฉ้อโกง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องมีการสืบสวนหาความจริงต่อไป
ทีมข่าว pptv เดินทางไปยังเพิงพักที่ผู้เสียหาย เล่าว่า เป็นจุดที่นายคูณทวีขอดูรถ ซึ่งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองหลวง ใกล้วัดธรรมกาย ซึ่งพอไปถึงพบว่าเป็นเพิงพักชั่วคราว สร้างด้วยไม้และสังกะสี ซึ่งทางเจ้าของบ้านเช่าไม่อนุญาตให้ทีมข่าวถ่ายทำภายใน แต่เธอได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเบื้องต้นว่า มิจฉาชีพคนดังกล่าว เคยมาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าของเธอเป็นเวลากว่า 10 ปี อยู่กับภรรยา 1 คน และลูกสาวอีก 3 คนอายุประมาณ 20 ต้น ๆ โดยเสียค่าเช่าเดือนละ 1,300 บาท แต่ทางครอบครัวไม่เคยชำระครบตามจำนวน จ่ายเพียงเดือนละ 300-400 บาทเท่านั้น
ที่ผ่านมา มีเจ้าหนี้หลายรายเดินทางมายังบ้านเช่า เพื่อทวงหนี้กับครอบครัวแก๊งต้มตุ๋น ทำให้เธอตัดสินใจไล่ผู้เช่ารายนี้ออกจากเพิงพัก เพราะกังวลว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมา ทางผู้ปล่อยเช่ารายนี้ยอมรับว่าไม่รู้เลยว่า ว่านายคูณทวีเป็นมิจฉาชีพ เพราะปรกติเห็นทำอาชีพส่งขนม แต่นาน ๆ ทีจะกลับเข้ามาที่พัก พอทราบจากข่าวว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาฐานฉ้อโกงจึงตกใจมา