จากเหตุการณ์กลุ่มเด็กช่างกล 9 คน ยกพวกบุกไปถึงหน้าสถาบันช่างกลปทุมวัน ก่อนใช้มีดกระหน่ำแทง นายวราวุธ หรือ เร อายุ 25 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวัน จนเสียชีวิต
โดยตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาในคดีร่วมฆ่าน้องเร ซึ่งจับเพิ่มได้ 1 ราย ซึ่งเป็นรายที่ 4 จาก 9 ราย คือ นายเพชรมงคล อายุ 28 ปี มาสอบปากคำ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายเพชรมงคล ถึงมูลเหตุการก่อเหตุ รวมไปถึงประเด็นการตั้งกลุ่มองค์กร ซึ่งนายเพชรมงคล ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่ส่ายหน้าเท่านั้น
จับรายที่ 4 แก๊งเด็กช่าง รุมฆ่า นศ.ปทุมวัน
ปฏิบัติการปิดเมืองล่า รวบมือฆ่านักศึกษาปทุมวัน 2 ราย เร่งตามจับอีก 7 ราย
เร่งล่า 9 คนร้าย ไล่ฟันคู่อริดับ หน้าเทคโนฯ ปทุมวัน
โดยนายเพชรมงคล เป็นคนที่ชูนิ้วกลางและใช้เท้าเหยียบดอกบัว ที่รั้วสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตามภาพที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งจะสังเกตได้ว่าในขณะที่ก่อเหตุ นายเพชรมงคล มีการไว้ผมยาว แต่ในวันนี้ มีการตัดผม คาดว่าเป็นการพรางตัวระหว่างหลบหนี ซึ่งตำรวจไปจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังการสอบปากคำ นายเพชรมงคล เปิดใจว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดการสูญเสีย ตนเองพ้นสภาพนักศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้ว วันเกิดเหตุนั้นได้เข้าไปหาเพื่อน แต่ถูกอาจารย์ไล่ให้ออกไปจากสถาบัน จากนั้นก็เดินออกมาาเจอกลุ่มเพื่อน และพากันเดินไปที่หน้าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ก่อนจะไปแสดงกริยาที่ไม่เหมาะสม เพื่อไปถ่ายรูปเก็บไว้ โดยตนเองได้ชูนิ้วกลางและใช้เท้าเหยียบไปที่ดอกบัวบนรั้ว เพราะความคึกคะนอง ระหว่างนั้นฝ่ายผู้เสียชีวิตเดินออกมาจากรั้วสถาบัน แล้วชักมีดออกมา จึงเข้ารุมทำร้ายเพื่อป้องกันตัว อยากจะขอโทษครอบครัวและเพื่อนผู้เสียชีวิต และยอมรับว่าเข็ด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล้างแค้น
ขณะที่นายธีรทัศน์ หนึ่งใน 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับเมื่อวานนี้ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนกับพวกไปกินข้าวและมีการยั่วยุกันไปมา จนเกิดเรื่องขึ้น ฝั่งผู้ตายมีคนชักอาวุธมีออกมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุซึ่งหน้า ยืนยันว่าไม่ใช่การแก้แค้นระหว่างสถานบัน และไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ส่วนใครเป็นคนแทง ตอนนั้นชุลมุนไม่รู้ว่าใครพกมีดและเป็นคนแทง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ตนเอง ปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมานั้นเกิดจากตัวบุคคลไม่ใช่สถาบัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงงานวันสถาปนาอุเทนถวายพรุ่งนี้ ซึ่ง นายธีรทัศน์ บอกว่า "ขอให้สนุก" และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นั่งนิ่งเงียบ
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายผู้ก่อเหตุอีก 3 คน ได้แก่ นายมนต์ธัช นายกฤศกร และนายสหรัฐ ได้เดินทางมามอบตัว ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับทนายความ ซึ่งทั้งหมดไม่ตอบคำถามใดๆ ใส่หมวก ปกปิดหน้าตา และล่าสุด มีผู้ต้องเข้ามอบตัวอีก 1 คน คือ นายภูริ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำ ตอนนี้เท่ากับจับได้แล้ว 8 คน เหลืออีก 1 คน นายวรกันต์ ขานทอง ยังหลบหนี
ทั้งนี้สำหรับพฤติการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คนที่แทงมีทั้งหมด 3 ราย ซึ่งจากบาดแผลที่ตัวผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 7 แห่ง ด้านหน้า 3 ด้านหลังด้านหลัง 4 จุด เบื้องต้นทราบว่า คนที่ร่วมแทงมีนายมนต์ธัช นายสหรัฐ และนายณัฐพร ส่วนบุคคลที่เหลือ ร่วมกันรุมทำร้ายผู้เสียชีวิต ก็ต้องโดยข้อหาร่วมกันฆ่าด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่จับมาได้ เปรียบเสมือนผี ไม่ใช่นักศึกษาในสถาบัน การรวมกลุ่ม คล้ายกลุ่มที่ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบ-น้องหยอด แต่ไม่ถึงขั้นเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการตั้งทนายความช่วยคดี ซึ่งต้องมีการสืบสวนก่อนว่า มีการตั้งทนายจากคนในกลุ่มเอง หรือถูกตั้งจากบุคคลภายนอก
ทั้งนี้กลุ่มที่ก่อเหตุยิง "ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด" มีความเชื่อในการบูชารุ่นพี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว มีการเอาเสื้อของสถาบันมาแขวน และธงลัญลักษณ์ ส่วนกลุ่มนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีการแขนวเสื้อสถาบัน มีการติดป้ายขนาดใหญ่ พร้อมใช้สเปรย์เขียนชื่อสถาบัน รวมถึงพ่นสัญลักษณ์ประจำสถาบันไว้ในบ้าน ซึ่งมองว่าเป็นการสร้างโลกเสมือนจริง ต้องการให้ได้รับการยกย่อง พวกรุ่นพี่ที่พ้นสภาพนักศึกษาไป ก็มาชักจูงรุ่นน้องไปในทางที่ผิด
ส่วนมาตรการการป้องกันเหตุ ในวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย หรือ “Blue day” ในวันพรุ่งนี้ มีการกำชับกองบังคับการตำรวจนครบาล 6, กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191, ตำรวจควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. ชุดเครื่องเร็วของฝ่ายสืบสวนเตรียมกำลังไว้ดูแลความสงบเรียบร้อย
ซึ่งได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว มีการเข้าตรวจค้น และตั้งจุดตรวจรอบสถาบันและสถานที่ใกล้เคียง รวมถึงมีจุดตรวจค้นร่างกายที่ทางเข้าสถาบัน ประสานครู อาจารย์ และผู้ปกครอง ให้เข้าใจแล้ว และหากมีเหตุเกิดขึ้นภายในรั้วสถาบัน หรือภายนอกก็ตาม กำลังที่เตรียมไว้ก็พร้อมปฏิบัติเข้าระงับเหตุทันที
กางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีแก้ 112 “พิธา-ก้าวไกล”