ล่าสุด ตำรวจได้หลักฐานสำคัญมาหนึ่งอย่างแต่ตำรวจยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด ขณะที่กล้องวงจรปิดเห็นชัดก่อนหายตัวกลายเป็นศพ นายเจืองเรียกวินมอเตอร์ไซค์คนสนิทไปส่งที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน และมาส่งที่บ้าน
ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดที่ตลาดในช่วงเช้า 07.54 น. ของวันที่ 13 เมษายน 2567 พบนายเจือง เดินซื้อของที่ตลาด โดยใช้ไม้เท้าพยุงตัวเอง ในมือยังถือถุงอีก 1 ถุง
หลังจากนั้น "ตาเจือง" เดินออกจากตลาดมาเรียกคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนสนิทชื่อนายลุต แล้วซ้อนออกไป เพื่อไปหาหมอตามนัดที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน ((กล้องวงจรปิดตรงจุดนี้เวลาไม่ตรงกับเวลาจริง))
จากนั้นช่วงเวลา 13.46 น. กล้องอีกตัวหนึ่ง จะเห็น ตาเจือง ซ้อนท้าย นายลุต คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง คันเดิม มุ่งหน้าไปยังบ้าน
ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่กล้องจับภาพตาเจืองได้ ก่อนที่จะหายตัวไปและญาติมาพบศพช่วงเย็นวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
ส่วนความคืบหน้าคดีตำรวจเรียกนายลุต คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างตลาดหลังสวน มาสอบปากคำเพราะเป็นวินรถ จยย.คนสนิทที่ผู้ตายเรียกใช้ประจำ ทั้งไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ในตลาดหลังสวนและพาไปหาหมอ ชุดสืบสวนมีข้อมูลว่า ช่วงเที่ยงวันที่ 13 เม.ย. ตาเจืองโทร.เรียกนายลุตให้มารับออกจากบ้านพาไปพบแพทย์ รพ.ปากน้ำหลังสวน ตามนัดในเวลา 13.00 น.ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. นายลุต ขี่รถพานายเจืองมาส่งที่บ้าน ตำรวจคาดคนร้ายฆ่าสองพี่น้องในเย็นวันเดียวกัน หลังสอบปากคำนายลุตเสร็จแล้วไม่พบพิรุธหรือหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีได้ปล่อยตัวกลับไป
จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจตั้งสาเหตุปมสังหารสองพี่น้องวัยชราทิ้งศพลงบ่อน้ำไปที่คนในที่เป็นญาติสนิทความขัดแย้งมาจากเรื่องที่ดินและทรัพย์สิน ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนา ก่อนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2-3 วันนี้ จะสามารถจับคนร้ายได้
ด้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมพุทธประทีป อ.หลังสวน จ.ชุมพร ออกมาเปิดเผยถึงความรู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับสองตายายว่า กู้ภัยได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องสองตายายตั้งแต่เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วโดยจะได้รับประสานจาก อสม.ผ่าน 1669 เข้าไปช่วยเหลือรับ-ส่งตายายไปหาหมอที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน อำเภอหลังสวนด้วยอาการหืดหอบ และมีอาการขี้หลงลืมบ้างเป็นบางครั้ง โดยจะนำรถจอดห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตรและเดินเท้าเข้าไปเนื่องจากบ้านของตายายเป็นพื้นที่ตาบอดต้องผ่านในที่ดินของเพื่อนบ้าน ในช่วงหน้าฝนหรือช่วงฝนตกน้ำท่วมต้องเดินลุยน้ำเข้าไป
กู้ภัยเล่าอีกว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมีความผูกพัน สองตายายยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่ทางกู้ภัยก็ไม่ได้สอบถามเรื่องส่วนตัวนอกจากอาการเจ็บป่วยเท่านั้น จริงแล้วเรื่องร้ายๆ ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับสองตายาย อายุเกือบ 90 ปีแล้ว