จากกรณีที่มีรายงานว่า นายพิชิต กลีบจินดา หรือ ”เสี่ยต้น” อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักเมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จนน้องสาวเข้าร้องเรียนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่าพี่ชายอาจถูกฆาตกรรม เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยต้นถูกคนร้ายประกบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.พร้อมระบุว่า พบพิรุธหลายจุด เช่น นายพิชิตทำประกันชีวิตไว้สูงถึง 16 ล้านบาท โดยมีชื่อภรรยาเป็นผู้รับผลประโยชน์
ก่อนที่ต่อมา วันที่ 3 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุม น.ส.วรรณิภา หรือ “มด” ภรรยา “เสี่ยต้น” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2562/2567 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2567 และ นายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2560/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ที่บ้านพักย่านรามอินทราและย่านลาดพร้าว
ล่าสุด พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า จากการขยายผลในคดียิง “เสี่ยต้น” ในพื้นที่ของ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา จนเชื่อมโยงไปถึงคดีที่ สภ.ยางศรีสุราช จ.มหาสารคาม พบว่า ผลจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนแล้ว ประกอบไปด้วย
- นางสาววรรณิภา อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยต้น ทำหน้าที่เป็นผู้ใช้จ้างวานและชี้เป้า
- นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี เป็นผู้ตระเตรียมการ จัดหาอาวุธและพาหนะ
- นายวีรภัทร คนขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ
- นายณัฐพล อายุ 25 ปี มือปืน ยังหลบหนี ซึ่งตำรวจพบเบาะแสล่าสุดอยู่ใกล้กับชายแดน
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจเปิดปฏิบัติการเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน คือ นางสาววรรณิภา หรือมด ภรรยาเสี่ยต้น นายสาโรจน์ ผู้เตรียมการ จัดหาอาวุธปืน และนายวีรภัทร คนขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ หลังจากนี้จะนำตัวเข้ามาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
เบื้องต้น นายวีรภัทรและนายสาโรจน์ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการจริง ได้รับเงินค่าจ้างจริง และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ภรรยาเสี่ยต้นยังให้การภาคเสธ จากการสอบถามภรรยาเสี่ยต้น บอกเพียงว่ามีเรื่องโกรธเคืองกันมา และมีความขัดแย้งกันอยู่ รวมถึงยับมีเรื่องหึงหวง แต่รายละเอียดอย่างอื่นขอเวลาสอบสวนก่อน
สำหรับรายละเอียดการว่าจ้างว่า พบว่า มีการโอนเงินให้มือปืน หรือนายณัฐพล 45,000 บาท ส่วนนายสาโรจน์ โอนเงินครั้งแรก 33,000 บาท หลังจากนั้นเป็นการมอบเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง ยอดรวมการว่าจ้างประมาณ 300,000 กว่าบาท
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการสืบสวนพบว่าภรรยาเสี่ยต้น วางแผนลอบยิงเสี่ยต้นหลังมีปากเสียงกันตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนมือปืนเริ่มรับงานช่วงปลายเดือนมีนาคมและลงพื้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 1 เมษายน
โดยมีการนัดพบกับภรรยาเสี่ยต้น รวมถึงมีการชี้เป้าและติดตามเป้าตั้งแต่วันดังกล่าว ก่อนจะลงมือก่อเหตุวันที่ 8 เมษายน ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าภรรยาเสี่ยต้นเป็นผู้ชี้พิกัดของเสี่ยต้นทั้งหมด โดยเฉพาะจุดชี้เป้าที่โรงเหล้าแสงจันทร์
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาของเสี่ยต้นและนายสาโรจน์ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำและขยายผลว่าขบวนการดังกล่าวรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร
ส่วนมูลเหตุจูงใจพบว่ามี 2 ส่วน คือความขัดแย้งในครอบครัว และหากผู้ตายเสียชีวิตผลประโยชน์จะตกอยู่กับภรรยาของเสี่ยต้น แต่ในเบื้องต้นพบหลักฐานส่วนหนึ่งที่ภรรยาเสี่ยต้นพยายามหากลุ่มมือปืนผ่านแอปพลิเคชัน โดยค้นหาเรื่องมือปืนรับจ้าง
เมื่อถามว่าคดีดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงคดีที่ จ.มหาสารคาม หรือไม่ พลตำรวจตรีนพศิลป์ ระบุว่า ในกลุ่มขบวนการเกี่ยวเนื่องต่อเนื่องกัน หลังจากครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จหลังจากการยิง โดยพบข้อมูลว่าหลังก่อเหตุกลุ่มขบวนการดังกล่าวก็ได้พูดคุยกับภรรยาเสี่ยต้นอีก
ส่วนการชันสูตรพลิกศพอยู่ระหว่างขยายผลจากเหตุดังกล่าว แต่ตัวละครทั้งหมดคือชุดเดียวกัน ซึ่งฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 อยู่ระหว่างขยายผลว่าเหตุการณ์ตายมาจากอะไร แบบไหน ขอให้กระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน
ส่วนบุคคลใกล้ชิดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ยืนยันว่าหากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใคร จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
และเมื่อช่วง 10.00 น. วันเดียวกัน ชุดสืบสวน คุมตัวนายสาโรจน์ คนตระเตรียมการ จัดหาอาวุธปืน มาถึงกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายสาโรจน์สวมแว่นตา ใส่หมวกและใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เดินก้มหน้า
นักข่าวพยายามสอบถามนายสาโรจน์ว่ารู้จักกับภรรยาเสี่ยต้นได้อย่างไร ภรรยาเสี่ยต้นเป็นคนว่าจ้างใช่หรือไม่ ค่าจ้างเท่าไหร่ เป็นคนจัดหาอาวุธปืนจริงหรือไม่ แต่นายสาโรจน์ส่ายหน้าปฏิเสธและไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน และมีท่าทางหงุดหงิด บอกเพียงว่า ขอทางหน่อยครับ ผมจะล้ม
ภายหลังเข้าจับกุมตัวนายสาโรจน์ ตำรวจได้ตรวจค้นภายในบ้านพัก พบอาวุธปืน 1 กระบอก และจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายสาโรจน์ได้ให้การรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุจริง และนำปืนไปทิ้งลงน้ำ 1 กระบอก
ตำรวจจึงได้คุมตัวไปตรวจค้นและให้นายสาโรจน์ลงไปงมหาปืนในบ่อน้ำจนพบอาวุธปืนเพิ่มเติมอีก 1 กระบอก รวมสามารถยึดอาวุธปืนไว้ได้ทั้งหมด 2 กระบอก เป็นปืนขนาด 9 มม. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่าเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุหรือไม่