จากเหตุการณ์นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ “สจ.โต้ง” ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ “โกทร” นายก อบจ.ปราจีนบุรี
ล่าสุด รายการ “เปิดโต๊ะข่าว” พูดคุยกับ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยเป็นผู้นำปราบกลุ่มผู้มีอิทธิพลในยุคนั้น เล่าว่า มีการกวาดล้างกลุ่ม “สจ.โต้ง” และพวกจนต้องไปติดคุกหลายปี และเชื่อว่าการที่ “สจ.โต้ง” ติดคุกในครั้งนั้น เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้ง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง เล่าว่า ในยุคนั้นไม่ว่าจันทบุรี ชลบุรี ระยอง หลายจังหวัดถูกปราบปรามยกเว้นพื้นที่ปราจีนบุรีที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ เพราะมีผู้อิทธิพลขัดขวาง มีการใช้ความรุนแรงยิงกันตาย 10-20 คดีในช่วง 2-3 ปีและไม่ถูกจับ จนมีการพูดกันว่า กลุ่มของตนฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมาย
รอบนี้หนาวนาน! อุตุฯเตือนอากาศหนาว 17 -27 ธ.ค. ภาคใต้ฝนตกหนัก!
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
ข้อแตกต่าง ยาพาราเซตามอล และ ยาไอบูโพรเฟน แก้ปวดเหมือนกันแต่ใช้ต่างกัน!
ซึ่งช่วงนั้นตนได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดทำบัญชีคนกลุ่มนี้ ที่มีคนในกระบวนการทั้ง สจ., กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ทหาร, ตำรวจ และ “สจ.โต้ง” จนรู้ว่าใครมีหน้าที่อะไร อย่างไร ประกอบกับตอนนั้นจะมีการประมูลงาน ตนก็ให้ตำรวจจากจันทบุรี ปลอมตัวไปซื้อซองประมูลงาน ทางกลุ่ม “สจ.โต้ง” ก็เอากลุ่มลูกน้องมาขัดขวางไม่ให้ซื้อ ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้ติดกล้อง ติดเครื่องอัดเสียงไป ก็มีการพูดว่าอย่ามาเลย พร้อมตบคนอื่นโชว์ และกล่อมว่าอย่าซื้อซองประมูลแล้วจะให้ผลประโยชน์ ซึ่งทางตำรวจเลยบอกเลขบัญชี กลุ่มดังกล่าวก็โอนเงินค่าฮั้วประมูลมาให้ มีการจัดบริษัทคู่เทียบขึ้นมาประมูลงาน ซึ่งภายหลังตนก็จับหมด พอได้พยานหลักฐานก็ขอศาลออกหมายจับ “สจ.โต้ง” กับพวก ซึ่งไปติดคุกอยู่ 5-6 ปี
“ในยุคนั้นนะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผมยกตัวอย่างคดีอยู่คดีหนึ่ง พยานเป็นพยานให้การกับ กกต.เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งอะ จนเป็นเหตุให้พรรคมัชฌิมาถูกยุบ แล้วคุณสุนทร วิลาวัลย์ได้ใบแดง พอคำสั่งกกต.ออก พยานเขาก็กลัว ก็เลยหนีไปหลบกับญาติ ที่ต่างจังหวัด 6 เดือนพอกลับมาบ้าน ไม่กี่วันก็ถูกยิงตาย หรือนักธุรกิจเพิ่งไปซื้อซองประกวดราคา ไม่ยอมฮั้วประมูลเนี่ย หลังจากซื้อซองมาที่รถก็ถูกยิงตายคา อบจ.เลย โอ้โหอย่างนี้ ก็กลุ่มคนพวกนี้อะครับ”พล.ต.อ.วินัย กล่าว
นอกจากนั้น พล.ต.อ.วินัย ยังบอกอีกว่า ตอนนั้นพยายามจะขยายผลให้ถึงหัวขบวนการ มีการค้น อบจ.ปราจีนบุรี ทั้งห้องนายก อบจ. และเลขานุการ ได้พยานหลักฐานพอสมควร มีหลักฐานการจ่ายเงินค่าฮั้วประมูล แจ้งข้อหานายก อบจ. ซึ่งตอนนั้นก็คือ น้องสาว “โกทร” และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการ แต่หลักฐานไปไม่ถึง “โกทร” แต่ก็ทำให้เห็นว่า ปลายทางอำนาจทางการเมืองท้องถิ่นเชื่อมโยงกับธุรกิจต่างๆที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งตอนนั้นยังจับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจเกือบ 20 คน ทำให้อิทธิพลเงียบสงบไปช่วงหนึ่ง
เมื่อถามว่า ในวันเกิดเหตุก็ยังมีตำรวจไปเดินตาม “สจ.โต้ง” อยู่ พล.ต.อ.วินัย ก็บอกว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลนั้น ล้วนมีตำรวจและข้าราชการเป็นไม้ค้ำ คือผู้มีอิทธิพลธรรมดาจะขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพลไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยช่วย ขนาดโดนปราบไปแล้ว โดนแจ้งข้อหา จับไปแล้วติดคุกไปแล้ว ก็กลับมาสยายปีกได้เหมือนเดิม ซึ่งมองว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลต่อเนื่อง และกวดขันข้าราชการที่เป็นไม้ค้ำเสริมบารมี โดยเฉพาะการกวดขันอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วินัย ยังเล่าว่า ตอนที่ “สจ.โต้ง” ออกจากคุกก็ยังโทรมาหาตนเอง โดยบอกว่าขอบคุณที่จับเข้าคุก เพราะทำให้รู้ว่าช่วงที่เดือดร้อนมีใครช่วยเหลือบ้าง ซึ่งก็มองว่า เป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งกับ “โกทร”
“วันที่ สจ.โต้ง เขาออกจากคุก ก็ยังโทรมาหาผมเลย เขาก็บอกว่าโทรมาขอบคุณผมที่จับเขาเข้าคุก เอ๊ะขอบคุณทำไมครับ เขาบอกว่าผมจับเขาเข้าคุกทำให้เขารู้เลยว่า เวลาเขาเดือดร้อนเนี่ยใครช่วยเหลือเขา ไม่ช่วยเหลือเขาอะไรอย่างเนี้ย ผมยังบอกเลยให้เลิกอย่ามาทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลอีก ซึ่งอันนี้มันก็ช่างบังเอิญนะในคลิปก็บอกว่าตอนที่ผมติดคุกเนี่ย โกไม่ช่วยผมเลยนะ นี่ไง นี่ไงฮะ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เริ่มมีความขัดแย้งกัน” พล.ต.อ.วินัย กล่าว