12 ม.ค. 68 ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยาฯ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ PPTV วิเคราะห์พฤติกรรมของ “เอ็ม กองเรือ” ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนมีลักษณะเก็บตัวตลอด หลังถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ทั้งไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยม รวมถึงไม่ประกันตัวและพร้อมเข้าเรือนจำ โดยมองว่า เป็นเพราะมีปัญหาในชีวิตมากจนถึงขั้นหมดอาลัยตายอยาก ไม่เอาอะไรแล้ว
ดร.ตฤณห์ วิเคราะห์อีกว่า พฤติกรรมของนายเอ็ม ตั้งแต่การเปิดหน้ายิงอย่างอุกอาจ สะท้อนว่าพร้อมโดนจับกุมมาตั้งแต่ต้น ซึ่งการโดนจับกุมอาจเป็นส่วนหนึ่งในการตกลงกับผู้ว่าจ้างด้วยซ้ำ โดยอาจแลกกับการล้างหนี้หรือแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม การเลือกเปิดหน้ายิงอย่างอุกอาจ เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจของนายเอ็มเอง ไม่ได้ผ่านผู้ว่าจ้าง และไม่ได้ปรึกษาคนในครอบครัว แต่การหลบหนีไปหลังก่อเหตุในตอนแรกนั้น อาจทำไปตามขั้นตอนที่ผู้ว่าจ้างให้ทำ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเจ้าตัวต้องการจะให้ตัวเองถูกจับและถูกส่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำแต่แรก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา เพราะหากหนีไปประเทศเพื่อนบ้านได้ทัน หรืออยู่ไทยแต่ไม่เก็บตัว ตัวเองก็มีความเสี่ยงถูกฆ่าปิดปาก หรือถูกรุมประชาทัณฑ์
ส่วนพฤติกรรมที่ไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยมเลยนั้น ดร.ตฤณห์ มองว่า เป็นเพราะนายเอ็มอาจรู้สึกผิดในการตัดสินเลือกวีธีก่อเหตุดังกล่าวในการแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงกับผู้ว่าจ้าง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าจะมีความละอายใจและไม่อยากอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ครอบครัวฟัง จึงเลี่ยงที่จะไม่พบหน้าครอบครัว
ดร.ตฤณห์ ยังมองอีกว่า การที่นายเอ็มถูกจับแล้วตัดสินใจสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากผู้มีบุญคุณนั้น อาจเป็นไปตามที่ตกลงกับผู้ว่าจ้างไว้ก่อน เพราะส่วนตัวมองว่า การว่าจ้างลอบสังหารคนระดับอดีต สส.กัมพูชา น่าจะต้องมีการสั่งผ่านมาหลายทอด ดังนั้น นายเอ็มคงประเมินแล้วว่า ต่อให้สารภาพว่าตัวเองได้รับการว่าจ้างมา สุดท้ายตำรวจก็คงจะสาวต่อไปได้แค่ต่อเดียว และไปไม่ถึงตัวการใหญ่อยู่ดี
ซึ่งพฤติกรรมของนายเอ็มขณะให้ปากคำที่มีท่าทีเครียดและขอเจ้าหน้าที่สูบบุหรี่ขณะถูกถามเรื่องผู้ว่าจ้างนั้น ดร.ตฤณห์ มองว่า อาจจะอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนตัวมองว่านายเอ็มอาจจะไม่ทราบก็ได้ว่าผู้บงการที่แท้จริงเป็นใคร เพราะหากทราบ การตัดสินใจจะบอกหรือไม่บอกว่าเป็นใครก็ขึ้นอยู่กับเขา
ที่ผ่านมาตนเห็นหลายคดีที่ “ผู้มีพระคุณ” จะถูกปกป้องอย่างถึงที่สุด เช่น คดียาเสพติด ที่เอเยนต์รายเล็กจะไม่สาวถึงผู้บงการใหญ่สุด คือยอมติดคุก ดีกว่าขายเพื่อนขายนาย
ดร.ตฤณห์ ยังมองอีกว่า ส่วนหนึ่งที่อาจเป็นปัจจัยทำให้นายเอ็มตัดสินใจรับจ้างวานฆ่า คืออัตราโทษ โดยอาจมองว่าอัตราโทษไม่ได้หนัก แค่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ สูญเสียอิสรภาพเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าหากคดีนี้นายเอ็มรู้ก่อนว่าถ้าทำแล้วจะมีโทษถึงประหารชีวิตแน่ ๆ คงไม่เลือกวิธีการแบบนี้