วันที่ 11 ม.ค. 2568 พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า ได้จัดหาทนายความให้ โดยให้ผู้ต้องหาพูดคุยกับทนายเป็นการส่วนตัว หลังจากพูดคุยแล้ว ผู้ต้องหาก็เดินเข้ามาสมัครใจที่จะให้การ
ซึ่งตนเป็นผู้ที่สอบปากคำเอง พร้อมแจ้งว่าจะขออัดวิดีโอ จากนั้นให้ผู้ต้องหาเล่าว่าเป็นมาอย่างไร ให้เขาเล่าตามที่อยากจะเล่า โดยยังไม่มีการซักถามอะไรมาก
เมื่อถามว่า สิ่งที่ผู้ต้อหาเล่าสอดคล้องกับพยานหลักฐานอย่างไร พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวว่า ก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และค่อนข้างตรงกับภาพวงจรปิดหรือ พยานหลักฐานที่เรามีอยู่ และเราสามารถเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้หาด้วย
เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาได้ให้การถึงผู้จ้างวานหรือไม่ พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ เพียงแต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ซึ่งทำให้การสอบสวนของเราง่ายขึ้น
“ในเบื้องต้นผู้ต้องหาบอกว่ารับงานมาจากบุคคลที่เคยช่วยเหลือเขา ซึ่งเป็นผู้ที่มีพระคุณ ไม่ได้รับค่าจ้าง หรือ ผลตอบแทนใดๆ เวลาที่เดือดร้อนตกทุกข์ได้ยาก และต้องถูกออกจากราชการ ก็มีบุคคลนี้ สนับสนุนให้เงินให้ทอง ยามเดือดร้อนโทรไปปรึกษาได้ทุกครั้ง เมื่อผู้มีพระคุณขอร้องมาเขาก็ตัดสินใจอยู่ระยะหนึ่ง จึงรับปาก กะว่าจะทำเพื่อใช้หนี้บุญคุณ” พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้มีพระคุณ ต่อจ่าเอ็ม เป็นพลเรือนหรือข้าราชการ พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวว่า เป็นพลเรือน แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นคนชาติใดเพราะอยู่ในสำนวนซึ่งจะมีการขยายผลเพื่อจับกุมต่อไป และ ตอนนี้ผู้ต้องหาค่อนข้างที่จะอดนอน เบื้องต้นยังสับสนตนเองอยู่ ให้การเวลาก็จำไม่ค่อยได้ พักผ่อนน้อย เราจึงพยายามอดทนและให้เขาผ่อนคลาย ประเด็นเรื่องการสอบสวนมีความกระจ่างระดับหนึ่ง คงไม่ได้ทั้งหมด และ ผู้ต้องหามีความประสงค์ไม่อยากทำแผน แต่ยินที่จะเปิดวิดีโอแล้วอธิบายเหตุการณ์ว่าเขาทำอะไรบ้าง