Muvmi (มูฟ-มี) แพลตฟอร์มเรียกตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าทั่วกรุงฯ 5 ปี คนใช้กว่า 4 ล้าน

พามารู้จัก Muvmi (มูฟ-มี) แพลตฟอร์มเรียกรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเจ้าแรกของประเทศไทย ที่เกิดจากการร่วมก่อตั้งของเพื่อนๆ 4 คน นำโดยอดีตวิศวกร พิพัฒน์ ตั้งศิริไพศาล กรรมการผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด และวิศวกร 2 ท่าน และสถาปนิกอีก 1 ท่าน  ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2560 จนปัจจุบันให้บริการราว 5-6 ปีแล้ว  

พรหมลิขิตสร้างได้ ด้วยการใช้บริการ “ธุรกิจจัดหาคู่”

วิธีขอสินเชื่อเด็กจบใหม่ อยากกู้ซื้อ "บ้านหลังแรก "

Muvmi รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าราคาเป็นธรรม-คนขับมีมาตรฐาน ลบภาพจำเดิมๆในอดีต

 

คุณพิพัฒน์ อธิบายว่า การใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กมีเอกลักษณ์ เรื่องขอความคล่องตัวบท้องถนน การเดินทางลัดเลาะตามตรอก ซอก ซอย ช่วยประหยัดระยะเวลาเดินทางสำหรับคนกรุงฯ แต่ปัญหาที่ทำให้ลูกค้ากังวลเกี่ยวกับการบริการรถตุ๊กตุ๊กแบบเดิมๆ คือ เรื่องของการโก่งราคาของคนขับ และความไม่ปลอดภัยในการขับขี่  

Muvmi จึงพยายามเข้ามาแก้ภาพลักษณ์นี้ ด้วยการสร้างมาตรฐานการขับขี่ของผู้ให้บริการ ด้วยการจัดฝึกอบรมผู้ขับก่อนให้บริการลูกค้าจริง ตั้งกฎเกณฑ์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และใช้ระบบคำนวนค่าเดินทางด้วยแอปพลิเคชั่น ตามระยะทางจริง ทำให้ลูกค้าจะสามารถทราบราคาตั้งแต่ก่อนตัดสินใจรับบริการ

ชูแนวคิด “ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน” ช่วยประหยัด

ขั้นตอนการใช้บริการ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Muvmi กดเลือกเมนูแจ้งระบบว่า จองเดินทางเพียงคนเดียวแบบเหมา หรือ เปิดให้มีการแชร์ที่นั่ง สำหรับผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ สูงสุดได้ถึง 6 คน เลือกจุดเริ่มต้น-ปลายทาง ซึ่งระบบจะส่งข้อมูลมายังคนขับ โดยการแบ่งปันที่นั่ง (Sharing) เป็นหัวใจหลัก ที่ทำให้ค่าบริการของ Muvmi ประหยัด เข้าถึงได้ และเป็นธรรม เริ่มต้นเพียง 10 บาทต่อการเดินทางในระยะใกล้ๆ อีกสาเหตุที่ทำให้ Muvmi  สามารถเก็บค่าโดยสารได้ในราคาถูก เพราะ รถตุ๊กตุ๊ก Muvmi เป็นเครื่องยนต์ไฟฟ้า 100 % ต้นทุนพลังงานถูกกว่าเชื้อเพลิงฟอลซิล อย่าง น้ำมัน มากกว่า 50 % แถมไม่มีเสียงเครื่องยนต์เหมือนรถน้ำมันอีกด้วย

12 พื้นที่ในการให้บริการ – เตรียมขยายเพิ่มทั่วกรุงฯ หลังผู้ใช้มากกว่า 4 ล้าน

เริ่มเปิดบริการตั้งแต่ปี 2560 จนปัจจุบันรวม 5-6 ปี มีผู้ใช้บริการมากกว่า 4 ล้านคน สามารถขยายเส้นทางบริการได้ถึง 12 พื้นที่ ได้แก่ จุฬา-สามย่าน อารีย์-ประดิพัทธ์ รัตนโกสินทร์ สุขุมวิท อ่อนนุช พหลโยธิน-เกษตร บางซื่ อนุสาวรีย์ชัย สีลม-สาทร ชิดลม-ลุมพินี และรัชดา-พระราม 9 และเตรียมขยายไปยังพื้นที่อื่นๆครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานคร อนาคตเตรียมขยายการบริการไปยังพื้นที่ หัวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจ ส่วนสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ จุดชาร์จรถไฟฟ้า ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ในจุดจอดทั่วกรุงฯ ปัจจุบันรถตุ๊กตุ๊ก Muvmi มีคนขับเป็นพนักงานประจำและชั่วคราวรวมทั้งสิ้น 350 คัน ตั้งเป้าหมายปี 2566 เพิ่มเป็น 1,000 คัน

โมเดลธุรกิจ เน้นบริการลูกค้าโดยตรง 80 % (B to C) และเจาะออฟฟิศ 20 % (B to B)  

สำหรับสัดส่วนการให้บริการของ Muvmi แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ การให้บริการแบบ B to C หรือ  Business-to-Customer ที่เน้นบริการลูกค้ารายย่อย สัดส่วนถึง 80 %  ส่วนอีก 20 % เป็นการผูกสัญญารับจ้างให้บริการกับบริษัทใหญ่ และ คอนโด ในรูปแบบ B to B หรือ Business-to-Business  ผู้รับบริการ คือ พนักงานและลูกบ้าน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางระยะใกล้ๆ ในย่าน คอนโด และสำนักงาน

ต่อยอด บริการพาต่างชาตินั่งรถเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ – ส่งสินค้า
คนขับ Muvmi  ยังสามารถให้บริการ Tuk Tuk Hop หรือ บริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวแบบเหมาตลอดวัน โดยบริการนี้เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย โดยเป็นการพาทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ และสถานที่ท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ลูกค้าสามารถซื้อบัตรผ่านแอปฯได้ ค่าบริการเริ่มต้นที่ 399 บาท ช่วงที่ผ่านมาปิดบริการชั่วคราวในช่วงโควิด โดยในปี 2566 จะกลับมาให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีบริการ Move thing ขนส่งของและสินค้า โดยกลุ่มลูกค้าหลัก คือ แม่ค้าในตลาดและแม่ค้าออนไลน์ ใช้ขนสินค้าจำนวนมาก แต่ไม่ถึงขั้นต้องการใช้บริการรถยนต์

 

คุณพิพัฒน์ ตั้งศิริไพศาล ผู้ร่วมก่อตั้ง Muvmi เผยว่า แม้ปัจจุบัน Muvmi จะเป็นสตาร์ทอัพ ผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ทำกำไรได้ เนื่องจากในช่วงแรกเน้นการสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ไม่ต่างจากสตาร์ทอัพในกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) จึงต้องใช้งบลงทุนค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการสนับสนุนทั้งจากทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชน แต่ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าว่าจะเริ่มทำกำไรได้

ส่วนความท้าทายในการขยายธุรกิจ (Scale up) คือ การเพิ่มจำนวนคนขับ และนำทะเบียนรถตุ๊กตุ๊กที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งสิ้นราว 20,000 คัน เปลี่ยนถ่ายมาเป็นระบบไฟฟ้า เพราะรัฐบาลไม่อนุญาตให้มีการจดทะเบียนรถตุ๊กตุ๊กใหม่ ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ของ Muvmi จะต้องดึงให้รถตุ๊กตุ๊กเครื่องยนต์สันดาป เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Muvmi มากขึ้นเรื่อยๆ โดยบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการแบ่งผลประโยชน์อย่างลงตัวกับทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิด ถ้าคนขับรถมีความสุข ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการก็มีความสุข Happy driver Happy Customer

“เราอยากทำให้ Muvmi  เกิดผลดีขึ้นกับทุกส่วนจริงๆ  สามารถขยายพื้นที่ คนขับ ลูกค้าได้จริงๆซึ่งความยากของธุรกิจนี้ คือ คนขับ ทำยังไงให้คนขับรถ มีความสุขในการขับรถตามสโลแกนของเรา ถ้าคนขับรถมีความสุข ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการก็มีความสุข Happy driver Happy Customer “ : พิพัฒน์ ตั้งศิริไพศาล กรรมการผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด