“ภัทร จึงกานต์กุล” ผู้มีหลายมิติในตัวเอง ความสุขในวันนี้ คือ แบ่งปันทางลัดชีวิตกับผู้อื่น

นอกจากงานทางด้านสื่อสารมวลชนแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังสวมหมวกอีกหลายใบ เรียกว่าเป็น “นักบริหาร” ที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ภัทร เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจผู้ผลิตส่งออกลูกบิด และอุปกรณ์ล็อกประตูรายใหญ่ อีกทั้งพลังในตัวของเขาคนนี้ก็ไม่เคยหยุดพลุ่งพล่าน ผันตัวมาบริหารธุรกิจมากมายอีกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV เป็นต้น

“พีพีทีวี” ถอดด้าม 2 รายการใหม่  ส่ง ‘ภัทร จึงกานต์กุล’ ลงจอหลังข่าวเช้า ใน “ถอดสูตร” และ ‘เคนโด้’...
ถอดบทเรียนชีวิต ‘นิรุตติ์ ศิริจรรยา’ สุขแบบพอดีบนวีถีธรรมชาติ

จนมีคนมองว่าเขาคนนี้มีต้นทุนชีวิตที่หลายคนแอบอิจฉา...

และเมื่อวันหนึ่งจุดอิ่มตัวในสายงาน “สื่อ” ก็มาถึง เขาได้ Fade ตัวเองจากงานตรงหน้า แล้วผันมาทำงานบริหารเต็มตัว รวมถึงสละโสดมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น

       รับหน้าที่เป็น “แฟมิลี่แมน” กับสถานะคุณพ่อของลูกแฝดที่น่ารัก เป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ กับศรีภรรยาผู้เพียบพร้อมอย่าง จุ้มจิ้ม - วรนันท์ จันทรัศมี โดยทั้งสองยังจับมือกันลุยธุรกิจส่วนตัวมาอย่างต่อเนื่อง

       มาวันนี้ พีพีทีวี ออนไลน์ จะขอมาทำความรู้จักหนุ่มมากความสามารถคนนี้กัน….

อัพเดพช่วงที่หายไปจากหน้าจอหน่อย?

            ที่หายไปได้ไปทำอะไรหลายอย่างมาก ทำธุรกิจ ไปทำหน้าที่พ่อของลูกแฝดสองคน เป็นดาว TikTok (ยิ้ม) แต่สุดท้ายที่เหมาะกับเราที่สุด ก็คือ ที่ที่เราเริ่มต้นงานสายสื่อมวลชนมา นั่นคือ งานทีวี โดยการกลับมาในรอบนี้ต่างจากประสบการณ์ที่ได้ทำมา 15 ปี เพราะครั้งนี้ตัวผมเองผ่านประสบการณ์ชีวิตมาในหลายมิติมาก โดยเฉพาะมีความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิตมากขึ้น ว่าเราเกิดมาทำไม เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ คือ การสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและผู้อื่น

            โดยการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง คือ การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวัน การสร้างครอบครัวและเป็นคุณพ่อที่ดีของลูกๆ การสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น คือ การนำเอาประสบการณ์เท่าที่ตัวเองมี นำมาถ่ายทอดให้เป็นประโยชน์กับผู้คน จากกำลังที่เราพอจะมี ศักยภาพที่มี นั่นคือ สิ่งที่ผมต้องการกลับมาทำให้กับทาง พีพีทีวี ช่อง 36 ในรอบนี้

หายไปนานแค่ไหน และการกลับมาครั้งนี้เพราะอะไร?

             หายไปเลยจริงๆ หายไปแบบไม่ยุ่งกับงานทีวีเลย เพราะผมเคยคิดว่าจะหยุดไปเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองอิ่มตัวกับการเป็นผู้ประกาศข่าว แต่พอได้ไปใช้ชีวิตในมิติอื่นๆ มีครอบครัว มีลูก ทำธุรกิจ ตอนนี้กำลังทำดีลเลอร์รถยนต์ EV ด้วย ซึ่งสนุกมากๆ ผมเองก็คิดถึงโมเม้นต์ของการเป็นผู้ประกาศฯมาก แล้วปรากฎว่า

พื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอีกครั้ง คือ การทำคอนเทนต์บน TikTok นั่นคือ การที่ผมพูดในสิ่งที่ผมเป็นผมจริงๆ ในรูปแบบที่ผมไม่ต้องสนใจใคร เปิดหน้ากล้องแล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจ ประสบการณ์กับมิติต่างๆ แง่มุมต่างๆ ที่คิดว่าพูดออกไปแล้วเป็นประโยชน์กับผู้คนที่ให้ความสนใจในแง่มุมนั้น ๆ พอดี

            ยิ่งพอมีคนชวนกลับมาทำงานหน้าจอกับ พีพีทีวี ได้รู้ถึงเจตจำนง วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมไปถึงทีมงานทุกคนที่ต้อนรับการกลับมา และเปิดโอกาสให้ผมได้มาร่วมผลิตรายการเศรฐกิจในแบบที่อยากทำจริงๆ เศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจ มันเป็นเรื่องปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ไม่มีมนุษย์เกิน 1 คน ไม่มีเศรษฐกิจเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์ 1 คน ถ้ามีคนเดียวก็ต้องพึ่งพาตัวเองแบบลำพัง มีมนุษย์มากกว่า 1 คน เกิดการแลกเปลี่ยนธุรกรรมทางเศรษฐกิจ เกิดขึ้นมาเป็นสังคม ประเทศ โลก การเข้าใจเศรษฐกิจ คือการเข้าใจเจตจำนงของปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ดังนั้นถ้าเกิดเราถอดรหัสหรือถอดสูตรเรื่องนี้ได้ เราก็จะเริ่มต้นไล่เหตุปัจจัยที่นำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทำให้โลกเป็นเรา

            เราก็จะสามารถกลับไปดูที่ต้นเหตุได้ รวมถึงสามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ของอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ด้วย ถ้าเราดูจากเหตุปัจจัยที่เคยเกิดขึ้นแล้วนำมาสู่อะไร ถ้าในทางธรรมะ คือ อิทัปปัจจยตา หลักทางพุทธศาสนาที่กล่าวถึงความเกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผล เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ ขับเคลื่อนด้วยสิ่งเหล่านี้ด้วยเหตุปัจจัย ผมคิดว่าการกลับมาที่พีพีทีวีรอบนี้ ผมอยากจะทำให้คนไทยทุกคนหลุดออกจากความไม่รู้ หลุดออกจากไม่หลงมอมเมากับอบายมุขทั้งหลาย ให้รู้เท่าทันตัวเอง มีสติอยู่เสมอ อย่าประมาท และสร้างคุณค่าให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขตามกำลัง มันก็จะย้อนกลับไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้แปลว่ามีชีวิตที่ดีไม่ได้ เศรษฐกิจพอเพียง คือ พอเพียงแก่กำลังของตนในแต่ละช่วงเวลา ผมต้องการทำให้ทุกคนเข้าใจสิ่งนี้ เพราะว่าอันตรายมากๆ หากเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาคนอื่น หรือว่าไม่มีความสามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ ในโลกที่ตอนนี้ต่างคนต่างเอาตัวรอด

            ถ้าเราอยากจะอยู่รอดคนไทยทุกคนควรจะเพิ่มคุณค่าในตัวเองด้วยความรู้ ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาแต่เพียงผู้อื่น อยากให้เข้าใจระบบว่าระบบนี้ดำเนินไปอย่างไร เพราะถ้าหากไม่มีระบบ ก็ไม่มีระเบียบ และถ้าไม่มีระเบียบก็จะมีแต่ความวุ่นวาย เมื่อมีความวุ่นวายไม่มีใครสักคนในสังคมอยู่ได้ เราควรเปิดกว้างให้กับคนไทยทุกคนที่รู้และเข้าใจ ว่าจำเป็นต้องหาความรู้แบบไหน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมอยากมอบให้รายการถอดสูตรครับ

คำว่า “เศรษฐกิจ” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ตามสไตล์ ภัทร จึงกานต์กุล

           จริงๆ ถ้าเราไม่เข้าใจเศรษฐกิจ ไม่ว่าเราจะทำงานหนักขนาดไหน เราจะไม่มีวันรวย ผมอยากให้คนไทยทุกคนไม่ถูกเอาเปรียบ ต้องมีพัฒนาการในตัวเอง คุณค่าของคนทุกคนอยู่ที่ผลของการกระทำ ถ้าเราเริ่มต้นตั้งแต่วิธีคิด การสื่อสาร การลงมือทำ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมของแต่ละคนเป็นตัวชี้วัดชีวิตของแต่ละคนว่าจะมีชีวิตอย่างไร ตลอดเส้นทางชีวิตตั้งแต่ผมเริ่มทำงานมา ผมสร้างทุกอย่างด้วยตัวผมเอง ผมอยากเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาแบ่งปันให้กับทุกคน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้เหมือนผม shortcut แล้วก็เดินไปสู่ทางที่ใช่ได้เลย ซึ่งจะถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราว คำพูด ผ่านทุกอิริยาบทที่เป็นผม ซึ่งเป็นที่มาของรายการนี้ สำหรับวันนี้ผมไม่ได้มีความเห็นแก่ตัวอะไรกับการกลับมาในครั้งนี้ เพราะผมอยากจะทำเพื่อให้ทุกคนได้มีพัฒนาการที่ดีไปด้วยกัน มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยกัน

อะไรคือแรงจูงใจสูงสุด?

            แรงจูงใจของผม คือ อยากสร้างสังคมที่ดี ให้กับลูกโตมาในสังคมที่เขาไม่จำเป็นต้องรอดคนเดียว ควรจะเติบโตมาในสังคมที่รอดไปด้วยกัน ชีวิตไม่มีความหมายถ้าเกิดว่าเราอยู่ได้แค่เพียงคนเดียว เราอยากมีความสุขกับการมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ในกิจกรรมต่างๆ การไปสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเจอผู้คนที่มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยากมีอีเวนท์ งานคอนเสิร์ตที่ทำให้เรามีรอยยิ้ม สนุกสนาน สิ่งเหล่านี้ห่างหายไปจากสังคมมนุษย์นานพอสมควรแล้ว การมอบคุณค่าให้กันและกันจะทำให้เราอยู่ในสังคมที่มีความสุข แค่ทุกคนเกิดมามีคุณค่าความเป็นมนุษย์เหมือนกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ผมว่าน่าจะเป็นสังคมที่น่าอยู่นะครับ

การนำเอาหลักธรรมะมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

            ผมผ่านความทุกข์มาหลายรูปแบบ เข้าใจชีวิตในหลายมิติ การถูกครอบงำด้วยกิเลส คือ อะไร ครอบงำด้วยความไม่รู้ ความไม่จริงคืออะไร จนวันที่รู้แล้วว่าชีวิตเกิดมา 1 ชีวิต เป็นเรื่องสมมุติที่ตั้งอยู่ ดับไปไม่มีอะไรจริงสักอย่าง เมื่อคนเรารู้ว่าเกิดมายังไงก็ต้องตาย จะใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า เมื่อรู้ว่าเกิดมายังไงแล้วก็ต้องตาย ฉะนั้นจะต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม แค่ถอดสูตรเรื่องนี้ได้ก็ทำตัวเองให้มีคุณค่าได้ คุณค่าที่ดีที่สุดของการเกิดมาชีวิตหนึ่ง คือ ทำให้ชีวิตคนอื่นมีคุณค่า เพราะคุณค่าที่คนอื่นได้รับจากเรา มันจะให้พลังกลับมามากกว่าชื่อเสียง เงินทอง นี่คือพลังบริสุทธิ์ เป็นพลังที่จะผลักดันชีวิตเราไปในทุกมิติอย่างน่าอัศจรรย์ ธุรกิจทุกอย่างที่มีอุปสรรคต่อให้มันล้มเหลว ผมไม่เคยเรียกว่าความผิดพลาด ผมจะถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียน ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ หรือทำให้เข้าใจเพื่อทำให้เราไม่ทำผิดพลาดซ้ำแบบเดิม ทุกอย่างของชีวิตคนแต่ละคนอยู่ที่ทัศนคติ ถ้าคุณมองโลกว่าโลกทำร้ายคุณ แล้วคุณหันหลังให้มัน คุณก็จะไม่สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้ ที่

ผมพูดแบบนี้ได้นั้น ไม่ใช่ผมคิดว่าชีวิตผมราบรื่น ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ไปชีวิตคนเรามันจะเจอความท้าทายอยู่เสมอ แต่อยู่ที่ว่าเราจะเรียกมันว่าความท้าทาย หรืออุปสรรค หรือปัญหา หรือจะเรียกว่าเป็นโอกาส

อยู่ที่ทัศนคติ ถ้าเราไม่คาดหวังกับทุกเรื่อง แล้วเราตั้งใจทำ เมื่อผลลัพธ์ออกมา เราจะไม่เสียใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะเราตั้งใจทำเต็มที่ดีที่สุด  อันนี้พูดถึงเรื่องธรรมะ แต่ตอบโจทย์เรื่องการทำงานและธุรกิจทั้งหมดเพราะคนประสบความสำเร็จได้ คือ คนที่จะไม่ยอมแพ้ เพราะคนที่ล้มเหลว คือ คนที่ยอมแพ้ไปในระหว่างทาง ฉะนั้นคนที่เหลืออยู่และทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ จากบทเรียนทุก ๆ บทเรียน ที่เขาได้รับ ก็จะเหลือเป็นคนสุดท้ายที่ประสบความสำเร็จ     

 

 

ที่ผ่านมาอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกอิ่มตัว?

             ในสายตาคนอื่นจะมองว่าผมมีทุกอย่าง ได้ทุกอย่าง ผมเคยเป็นผู้ประกาศช่องอื่นๆ มาก่อน สร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ทำรายได้ให้ใช้ชีวิตสบายมาทั้งชีวิต แต่มีจุดนึงที่ผมเองรู้สึกว่าทำให้ตัวเองไม่มีความสุขกับชีวิต เพราะเราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วเปรียบเทียบ พอเลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วเปรียบเทียบกับตัวเองในวันก่อน และควรทำให้ตัวเองมีสติปัญญาที่ตื่นรู้ รู้ว่าชีวิตคืออะไร รู้ว่าจะกำจัดความทุกข์แบบไหน  จัดการกับเรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างไร จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น สมดุลทั้งภายนอกภายใน ใจแข็งแรงก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง ผมอยากจะกลับมาสร้างสมดุลชีวิตที่มีพลัง สนุกกับการใช้ชีวิตนอกจากการเลี้ยงลูก ทำธุรกิจ ผมอยากแบ่งเวลาส่วนหนึ่งของชีวิตมาทำงานที่ผมรัก ผมเคยรักมันมากแล้วและผมเคยเลิกรักไปชั่วขณะ เพราะเบื่องานในเวอร์ชั่นเก่า แต่ ณ วันนี้ผมกลับมาตกหลุมรักงานสื่อมวลชนอีกครั้ง เพราะสิ่งที่ผมได้ทำในรายการ “ถอดสูตร” ในแบบที่อยากทำครับ  

 เล่ามาขนาดนี้ แน่นอนว่า ภัทร จึงกานต์กุล แฟนๆ น่าจะได้รู้จักตัวตนของเขาคนนี้มากขึ้น และเตรียมพบกับการรีเทิร์นสู่หน้าจออีกครั้งในรายการวาไรตี้ข่าวเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ กับรายการ “ถอดสูตร”   ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 – 08.30 น.  เริ่มออกอากาศวันแรก 6 ธ.ค. นี้ แน่นอน ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง36