หากไล่เรียงดูบริษัทด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมที่ระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย มีทั้ง แอปเปิลApple Inc. (แอปเปิล) และ Samsung Electronics Co. (ซัมซุง) ผู้ผลิตพีซีคอมพิวเตอร์อย่าง HP Inc. (เอชพี) และ Dell Technologies Inc. (เดลล์) และผู้ให้บริการอุปกรณ์โทรคมนาคม Ericsson AB (อีริคสัน) หลังสหรัฐขยายมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? "เมื่อแซงก์ชั่นรุนแรงถึงขั้นยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย"
สินค้าใหม่แอปเปิล iPhone 13 เขียวเหนี่ยวทรัพย์ - iPhone SE 5G สเปกเทพราคาโดน
แต่อีกด้านหนึ่งหลายบริษัทของจีนที่สร้างคอนเนคชั่นทางธุรกิจกับรัสเซียมานานหลายทศวรรษ และครองส่วนแบ่งทางการตลาดสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากกว่า 40%
กลับยังไม่มีสัญญาณหรือทีท่าว่ายุติการทำธุรกิจในรัสเซียหรือตอบรับมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งนั่นอาจหมายถึงว่า จีนอาจกำลังเล็งเห็นโอกาสทางการค้าในการชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากรัสเซีย
สำหรับ รัสเซีย ยังถือว่าเป็นตลาดด้านเทคโลยีขนาดเล็ก โดยมีสัดส่วนประมาณ 2% ของการส่งออกสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก แต่กลับเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในยุโรปเพื่อชิงพื้นที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของค่ายตะวันตกและจีน
ข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่า Xiaomi Corp. (เสี่ยวหมี่) ของจีนเป็นเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์อันดับ 2 ของรัสเซีย รองจากซัมซุงจากเกาหลี และแอปเปิลในอันดับที่ 3 ขณะที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อย่าง HP (เอชพี) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 21% สูงที่สุด โดยมี Lenovo Group Ltd. (เลอโนโว) ของฮ่องกงเป็นลำดับที่ 2
ขณะที่การแข่งขันด้านโทรคมนาคม พบว่า Huawei Technologies Co (หัวเว่ย) เป็นคู่แข่งสำคัญกับ Ericsson (อีริคสัน) ในการให้บริการ 5G (ข้อมูลจาก International Data Corp)
เป็นอีกโอกาสของจีนในการชิงพื้นที่สนามธุรกิจเทคโนโลยีและโทรคมนาคมในห้วงเวลาที่ ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียท่ามกลางสงครามยูเครน-รัสเซีย
แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า โอกาสนี้อาจไม่ง่ายนักสำหรับจีนและอาจได้ไม่คุ้มเสีย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า แม้ว่าจีนจะเห็นโอกาสตรงนี้แต่อาจต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เพราะข้อจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตร เช่น การตัดค่าเงินรูเบิลของรัสเซียออกจากการทำธุรกรรม SWIFT การขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์ต่างๆที่มีข้อจำกัด ไปจนถึงผลพวงจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐทำให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐเป็นไปได้ยาก เป็นต้น
ซึ่งหากบริษัทเทคโนโลยีของจีนยังคงพยายามที่จะส่งสินค้าไปยังรัสเซียก็อาจโดนหางเลขถูกแบนสินค้าจากประเทศอื่นๆ ที่สนับสนุนการคว่ำบาตรได้
บริษัทจีนต้องสูญเสียมากกว่าหวังทำกำไร หากถูกมองว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วสำหรับจีนรัสเซียยังเป็นตลาดเล็กเกินไปที่จะเสี่ยงเดินหน้าธุรกิจต่อเพราะอาจถูกคว่ำบาตรเสียเอง มุมมองของนักวิเคราะห์จาก Gavekal Dragonomics