เกร็ก จอสเวียค รองประธานด้านการตลาดของบริษัทแอปเปิล (Apple) ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทยอมแล้วที่จะปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ประกาศว่า ภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จะต้องผลิตสินค้าให้รองรับหัวชาร์จแบบ USB-C เท่านั้น โดยจะมีผลกับ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
จอสเวียคกล่าวว่า “แน่นอนว่าเราจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ เราไม่มีทางเลือก”
แอปเปิลลดกำลังการผลิต iPhone 14 Plus หลังยอดขายแป้ก
iPhone 15 เปลี่ยนหัวชาร์จแน่! ยุโรปลงมติสุดท้าย สายชาร์จในอียูต้องเป็น USB-C
กฎใหม่ “อียู” ผลิตสมาร์ทโฟน-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้หัวชาร์จ USB-C
โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกได้อนุมัติขั้นสุดท้าย ให้กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ โดยสายชาร์จสำหรับโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันหมดในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยจะใช้แค่หัวชาร์จแบบ USB-C เท่านั้น
ในบรรดาผู้ให้บริการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ให้กับลูกค้าในยุโรป คาดว่า แอปเปิลจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะผลิตภัณฑ์มีหัวชาร์จที่แตกต่างไปจากหัวชาร์จของแบรนด์อื่น ๆ โดยแอปเปิลจะถูกบังคับให้เปลี่ยนหัวชาร์จสำหรับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง (ตราบใดที่แอปเปิลยังต้องการขายสินค้าในยุโรป)
จอสเวียคยังไม่เปิดเผยว่า แอปเปิลจะใช้สายชาร์จใหม่กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองเมื่อไร แต่ก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์ในปี 2023 ของแอปเปิลอาจรองรับหัวชาร์จใหม่แล้ว และจะเป็นแบบนี้กับผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายทั้งโลกด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะที่จะจำหน่ายในยุโรป
ฝ่ายนิติบัญญัติของสหภาพยุโรปเคยให้เหตุผลว่า กฎหมายการบังคับกำหนดชนิดหัวชาร์จโทรศัพท์นี้จะช่วยลดปัญหาการสร้างขยะ เนื่องจากผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อที่ชาร์จใหม่ทุกครั้งที่ซื้ออุปกรณ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม แอปเปิลไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยบอกว่า “กฎระเบียบที่เข้มงวดซึ่งกำหนดให้มีสายชาร์จเพียงประเภทเดียวถือเป็นการยับยั้งการก่อเกิดนวัตกรรมมากกว่าที่จะส่งเสริม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในยุโรปและทั่วโลก”
ที่ผ่านมาแอปเปิลมีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่รองรับสายชาร์จ USB-C แล้ว เช่น MacBook ตั้งแต่ปี 2015 หรือ iPad ที่เริ่มเปลี่ยนจากสายชาร์จไลต์นิง (Lightning) มาเป็น USB-C ตั้งแต่ปี 2018
เรียบเรียงจาก CNBC / The Guardian
ภาพจาก AFP / Shutterstock
