ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว บริษัทไมโครซอฟต์ (Microsoft) ได้ประกาศเปิดตัว “Bing” เสิร์ชเอนจิ้นเวอร์ชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไออย่างแชตบอตอัจฉริยะ ChatGPT โดยเปิดให้เฉพาะผู้ใช้งานอุปกรณ์ที่เป็นเดสก์ท็อปที่สมัครเข้าร่วมการทดสอบสามารถทดลองใช้ได้
การนำระบบของแชตบอตเข้ามาผสานกับเสิร์ชเอนจิ้นนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งข้อความค้นหาได้ง่ายขึ้น รวมถึงจะได้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องและเป็นปัจจุบันมากขึ้น
แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) มีรายงานว่า ไมโครซอฟต์จะเปิดให้ทุกคนที่ต้องการใช้สามารถเข้าถึง Bing เวอร์ชันผสานเอไอนี้ได้ โดยไม่ต้องเข้าคิวรอ เพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้เครื่องมือค้นหาผ่านเบราว์เซอร์ Microsoft Edge
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไมโครซอฟต์ที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ แม้ว่าเทคโนโลยีเอไอจะทำให้เกิดความกังวลในการใช้งานบ้างก็ตาม โดยก่อนหน้านี้ Bing ที่ผสานเอไอมีปัญหาในการตอบสนองกับผู้ใช้ โดยในบางกรณีมีการให้ข้อมูลที่ไม่แม่นยำและใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม
กลียุคสำนักข่าวออนไลน์? เมื่อสำนักข่าวเริ่มใช้เอไอเขียนข่าวมากขึ้น
เจ้าพ่อแห่งวงการเอไอเผย “เสียใจที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมา”
JobsDB ใช้เอไอ ช่วยนายจ้างหาผู้สมัครที่ใช่-ช่วยคนหางานพบงานที่เหมาะสม
ด้าน ยูซุฟ เมห์ดี รองประธานไมโครซอฟต์ที่ดูแลโครงการเอไอของบริษัท กล่าวว่า “เราเก่งขึ้นในด้านความเร็ว ความแม่นยำก็ดีขึ้น … แต่เรากำลังแสวงหาสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุดเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
ปัจจุบัน Bing มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านรายต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้บริษัทยังได้แบ่งปันข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการอัปเดตบางอย่างของ Bing รวมถึงความสามารถในการถามคำถามด้วยรูปภาพ เข้าถึงประวัติการแชตเพื่อให้แชตบอตจดจำความสัมพันธ์ของตนกับผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งน้ำเสียงและสไตล์ในการตอบกลับของแชตบอตได้ มีทั้งการตอบกลับที่ยาวและหวือหวา ไปจนถึงการตอบกลับที่สั้นและตรงประเด็น
นอกเหนือจากการเพิ่มฟีเจอร์เอไอเพื่อค้นหาแล้ว ไมโครซอฟต์ยังมีแผนจะนำเทคโนโลยี ChatGPT มาใช้กับเครื่องมือสำนักงาน เช่น Word, Excel และ Outlook ด้วย
ความเคลื่อนไหวนี้ของไมโครซอฟต์เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่บางแห่ง อาทิ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา และสตีฟ วอซเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้ห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์หยุดการฝึกอบรมระบบเอไอเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยบอกว่า “เป็นความเสี่ยงต่อสังคมและมนุษยชาติ”
ในประเด็นนี้ เมห์ดีกล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่าอุตสาหกรรมเอไอกำลังเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และมองว่า การเรียกร้องให้หยุดพัฒนาชั่วคราวนั้นไม่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
“บางคนคิดว่าเราควรหยุดการพัฒนาเอไอชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะแก้ไขหรือปรับปรุงและเคลื่อนไปพร้อมกันได้ ... แต่ผมเข้าใจว่ามันมาจากความกังวลที่ดี” เมห์ดีกล่าว
เขาเสริมว่า “วิธีเดียวที่จะสร้างเทคโนโลยีนี้ให้ดีได้อย่างแท้จริง คือการทำมันออกมาอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ เพื่อที่เราจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP