เอดิน แทร์ซิช พาดอร์ทมุนด์ ผ่าน เปแอสเช มาได้ในรอบรองชนะเลิศ เกมนี้ใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุด คาริม อเดเยมี่, ยูเลี่ยน บรันด์ท และ เจดอน ซานโช่ เป็น 3 ประสานเกมรุก โดยมี นิคลาส ฟุลล์ครุก ยืนหน้าเป้า
คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียน หวังพาเรอัล มาดริดเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 15 นัดนี้ไม่มี ออเรลิยอง ชูอาเมนี่ ที่เจ็บกระดูกเท้าซ้ายจากเกมรอบรองนัดที่ 2 ที่ผ่าน บาเยิร์น มิวนิค มาได้ นอกนั้นเป็นชุดดีที่สุด โรดรีโก้ จับคู่กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ในแนวรุก จู๊ด เบลลิงแฮม รับบทเพลย์เมคเกอร์ ดวลทีมเก่า
"จู๊ด" เผยฝันเป็นจริงหลังเรอัล มาดริด เข้าชิงชนะเลิศศึกแชมเปี้ยนส์ลีก
วิเคราะห์บอล! แชมเปี้ยนส์ ลีก ดอร์ทมุนด์ พบ เรอัล มาดริด 1 มิ.ย.67
นาทีที่ 14 แม้ดอร์ทมุนด์ จะครองบอลเป็นรอง แต่ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำเป็นจังหวะที่ นิคลาส ฟุลล์ครุก เอาบอลลงก่อนหมุนแล้วจ่ายมาให้ ยูเลี่ยน บรันด์ท ที่เติมมายิงด้วยขวาบอลผ่านหน้าประตูหลุดเสาไปแบบมีลุ้น
นาทีที่ 21 ดอร์ทมุนด์มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ จ่ายทะลุช่องจากแดนตัวเอง บอลไปถึง คาริม อเดเยมี่ ที่ไม่ล้ำหน้าหลุดไปดวลกับ ติโบต์ กูร์กตัวส์ แต่ อเดเยมี่ แตะบอลยาวเกินไปก่อนจะเป็น ดานี่ การ์บาฆาล ตามมาปิดมุมและบล็อกเอาไว้ได้
อีก 2 นาทีต่อมา ดอร์มุนด์ ที่ก่อนเกมถูกมองว่าเป็นรอง พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำเมื่อ เอียน มาตเซ่น จ่ายให้ นิคลาส ฟุลล์ครุก เหยียดเท้ายิงด้วยซ้ายไปชนเสากระดอนออกมา
เกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรก แม้ เรอัล มาดริด จะครองบอลได้มากกว่า แต่จังหวะจบสกอร์เป็นดอร์ทมุนด์ ทำได้ดีกวว่า
นาทีที่ 41 มาร์เซล ซาบิตเซอร์ กดยิงด้วยขวาบอลแรงพุ่งตรงประตูเล่นเอา ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่วันนี้งานชุกต้องล้มตัวเซฟ เสียเพียงเตะมุมเท่านั้น
ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก 4 นาที ดอร์ทมุนด์ มีลุ้นจากจังหวะเตะมุม แต่ทำอะไรไม่ได้ จบ 45 นาทีแรก เกมยังเสมอ 0-0
กลับมาครึ่งหลัง นาทีที่ 49 เรอัล มาดริด ได้หวาดเสียวก่อน เมื่อ โทนี่ โครส ลักไก่ยิงด้วยขวาหวังเสียบมุดเสาแรก แต่ เกรกอร์ โคเบล ยังไม่พลาดปัดทิ้งออกไปได้
นาทีที่ 57 ดานี่ การ์บาฆาล พยายามจะฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาแต่บอลเบา ไปโดน เอียน มาตเซ่น ที่มาช่วยชะลอความเร็วทำให้ เกรกอร์ โคเบล ที่ยืนปิดมุมรับไว้ได้
นาทีที่ 63 คาริม อเดเยมี่ เปิดจากทางซ้ายไปที่เสาสองให้ นิคลาส ฟุลล์ครุก พุ่งโหม่งแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขยับมาปัดไว้ได้ ดอร์ทมุนด์ ยังขึ้นนำไม่สำเร็จ
จากนั้นนาทีที่ 69 เป็นโอกาสของ เรอัล มาดริด บ้าง วินิซิอุส จูเนียร์ เปิดทิ้งมาที่เสาสองให้จู๊ด เบลลิงแฮม ได้โหม่งแต่บอลโดนเฉียดชนิดที่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ เสียดายที่จังหวะนี้ไม่เป็นประตูขึ้นนำ
นาทีที่ 72 มาร์โก รอยส์ ที่เพิ่งอายุครบ 35 ปี ถูกส่งลงสนามเป็นนัดสุดท้ายกับดอร์ทมุนด์ โดยเป็นนัดที่ 429 ตลอด 12 ฤดูกาลเต็มที่อยู่กับทีม และเป็น คาริม อเดเยมี่ ที่ถูกถอดออก
นาทีที่ 74 จากจังหวะเตะมุม โทนี่ โครส เปิดมา ดานี่ การ์บาฆาล ฉีกวิ่งโฉบมาโหม่งเสาแรกเข้าไปให้ เรอัล มาดริด คลายความกดดันขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 78 เรอัล มาดริด ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม จู๊ด เบลลิงแฮม ได้ยิงแต่ไปติด นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค ที่เข้ามาบล็อกทำให้บอลหลุดเสาออกไป
นาทีที่ 80 โทนี่ โครส ยิงด้วยขวาจากฟรีคิกมุมเดิมแต่ เกรกอร์ โคเบล ยังป้องกันเอาไว้ได้
นาทีที่ 83 เอียน มาตเซ่น มาพลาดจ่ายบอลขวางสนาม บอลมาถึง จู๊ด เบลลิงแฮม จ่ายให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ไม่มีตัวประกบยิงด้วยซ้ายเข้าไป เรอัล มาดริด ขยับหนีเป็น 2-0
นาทีที่ 87 นิคลาส ฟุลล์ครุก แม้จะโหม่งเข้าไป แต่ไม่ได้ เนื่องจากเจ้าตัวนั้นอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ช่วงทดเจ็บ 5 นาที ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เรอัล มาดริด ชนะ 2-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ หรือ แชมป์ถ้วยใบใหญ่สุดของสโมสรยุโรป เป็นสมัยที่ 15 เพิ่มสถิติมากสุดตลอดกาลต่อไป ส่วน ดอร์ทมุนด์ ต้องที่เข้าชิงเป็นครั้งที่ 3 ต้องรอแชมป์สมัยที่ 2 ต่อไปหลังจากทำได้ครั้งแรกเมื่อปี 1997 อย่างไรก็ตามทั้งสองทีมจะได้กลับมาเล่นในถ้วยใบนี้ในฤดูกาลหน้า
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : เกรกอร์ โคเบล - ยูเลี่ยน รีเยอร์สัน, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค, เอียน มาตเซ่น - เอ็มเร่ ชาน, มาร์เซล ซาบิตเซอร์- เจดอน ซานโช่, ยูเลี่ยน บรันด์ท, คาริม อเดเยมี่ - นิคลาส ฟุลล์ครุก
เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดานี่ การ์บาฆาล, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ - เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, เอดูอาร์โด คามาวิงก้า, โทนี่ โครส - จู๊ด เบลลิงแฮม - โรดรีโก้, วินิซิอุส จูเนียร์
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ข่าวกีฬา
- วิดีโอยอดนิยม
