รวมที่เที่ยว “วังเวียง” กุ้ยหลินเมืองลาว ไปสัมผัสเสน่ห์ขุนเขา สายน้ำ และผู้คน ผ่านกิจกรรมที่ทำได้หลากหลาย แต่ใช้งบน้อยกว่าที่คิด
“วังเวียง” หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกกันว่า “กุ้ยหลินเมืองลาว” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยต่างปักหมุดวางแผนเดินทางไปเยือนกันสักครั้งหนึ่ง หากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย
เพราะไม่เพียงแต่จะมีธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟความไวสูงวิ่งด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเร็วมากกว่ารถไฟในประเทศไทย คอยให้บริการตลอดเส้นทางในวังเวียง
โควิดวันนี้ (2ส.ค.65) เสียชีวิตเพิ่ม 27 ราย ป่วยปอดอักเสบกว่า 900 ราย
ลาวเตรียมเปิดประเทศปี 2565 รับ นทท.ต่างชาติสู่เขตท่องเที่ยวสีเขียว
ที่สำคัญยังใช้ภาษาไทยสื่อสารกันได้ แถมเมื่อไม่นานมานี้อัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ที่ 409 กีบ : 1 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2565) นับว่าหากไปเที่ยวทั้งที คงใช้งบน้อยกว่าที่คิดเอาไว้
เส้นทางสู่ “วังเวียง”
การเดินทางไป “วังเวียง” ในอดีตเรียกได้ว่าลำบาก เพราะถนนยังเป็นลูกรัง และขับรถยนต์ผ่านไปได้อย่างเดียวเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมงจากนครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของ สปป.ลาว กว่าจะถึงก็สะบักสะบอม
แต่ปัจจุบันสามารถเลือกได้หลายเส้นทาง เส้นทางแรกที่เดินทางได้สะดวกรวดเร็ว และเป็นที่นิยม คือ เริ่มต้นการเดินทางมายังจังหวัดอุดรธานี โดยเครื่องบิน หรือถ้าไม่อยากเร่งรีบ ก็เลือกขึ้นรถทัวร์ได้ ถือว่าสนุกไปอีกแบบ จากอุดรธานีก็นั่งรถตู้ไปผ่านด่านชายแดนที่หนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที หลังจากผ่านแดนไปแล้ว จะใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที ก็เข้าสู่นครเวียงจันทน์ เบ็ดเสร็จรวมแล้วใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาทีเท่านั้น
ส่วนรถยนต์ ปัจจุบันก็มีทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียงที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลลาวและจีน เปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่ปี 2563 ระยะทาง 109 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึง และมีค่าผ่านทางประมาณ 200 บาท
แต่ถ้าอยากเดินทางแบบอินเทรนด์ ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กสวย ๆ แนะนำให้ไปด้วย “รถไฟความไวสูง ลาว-จีน” (ภาษาลาวใช้คำว่าไว) นอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางได้ จากนครเวียงจันทน์ไปวังเวียงใช้เวลาเพียง 50 นาที ส่วนราคาตั๋วรถไฟ หรือในภาษาลาวเรียก “ปี้” ที่นั่งชั้น 1 อยู่ที่ 400 บาท และชั้น 2 อยู่ที่ 250 บาท อย่างไรก็ตามตอนนี้การจองตั๋วรถไฟยังไม่สะดวก ใครที่สนใจเดินทางด้วยเส้นทางนี้อย่าลืมศึกษาวิธีการจองตั๋วรถไฟก่อนออกเดินทางล่วงหน้าด้วย
สัมผัมเสน่ห์เวียงจันทน์-วังเวียง ด้วยรถไฟความไวสูง
การนั่งรถไฟความไวสูง ลาว-จีนไปวังเวียง นอกจากจะได้เห็นทัศนียภาพ 2 ข้างทางที่สวยงามแล้ว ยังได้สนุกสนานกับการถ่ายรูป สถานีรถไฟแต่ละสถานีที่ใหญ่โต ประกอบกับสถาปัตยกรรมผสมผสานลาว-จีน แต่ดูเหมือนว่าจะออกไปทางจีนมากกว่า และชื่อสถานีที่มีภาษาจีนและภาษาลาวใหญ่ยักษ์ขึ้นคู่กัน ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องเก็บภาพ สถานีรถไฟแต่ละจุด จะเปิด-ปิด ตามเวลาที่รถไฟเทียบชานชาลา ลงจากรถไฟแล้วก็สามารถออกไปชื่นชมความงามได้ แต่อย่าถ่ายรูปจนนานเกินไป เพราะอาจโดนเจ้าหน้าที่ไล่ออกจากสถานีได้
เมื่อรถไฟเทียบชานชาลา “สถานีรถไฟวังเวียง” ก้าวแรกที่ได้สัมผัสเมืองวังเวียง ที่ใครหลายต่อหลายคนบอกว่า สวยงาม คล้ายกับกุ้ยหลินของประเทศจีน บ้างก็บอกว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์ ของ สปป.ลาว แต่ในมุมมองของเรา ที่นี่คือ “วังเวียง” ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ภาพพาโนรามาที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้า คือ ภูเขาสูงตระหง่านดูแปลกตาเรียงรายโอบล้อมเมืองเล็ก ๆ เอาไว้อย่างอบอุ่น ต้นไม้น้อยใหญ่ที่เขียวขจี สายลมเย็น ๆ พัดมาต่อเนื่อง จนต้องขอเปิดแมสก์ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด ทำให้กลับมารู้สึกสดชื่น มีพลังอีกครั้ง ราวกับได้ชาร์จแบตฯ จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังต้องอยู่ภายใต้แมสก์มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี บวกกับมลพิษทางอากาศของกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สปป. ลาวอนุญาตให้ถอดแมสก์ได้แล้ว แต่ก็ยังต้องระวัง นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเวลาผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย
“แม่น้ำซอง” ไฮไลท์แห่งวังเวียง จะสายชิล สายลุยก็เที่ยวได้
“วังเวียง” เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติสวยงาม มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนสุดสายตา มีแม่น้ำซองไหลผ่าน ทุ่งนาสีเขียวขจี วิถีชาววังเวียงที่เรียบง่าย การท่องเที่ยววังเวียงจึงรองรับได้ทั้งผู้ที่ชื่นชอบความสงบ สโลว์ไลฟ์ นั่งชิล ๆ จิบกาแฟชมธรรมชาติ หรือเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบผจญภัย เป็นสายลุย ชอบปีนเขา เล่นน้ำ
โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน น้ำในแม่น้ำซองจะไหลเชี่ยว หากได้ไปพายเรือคายัก เรียกได้ว่าสนุก ไม่แพ้การล่องแก่งเลย หรือจะไปเล่นซิปไลน์ (Zip Line) โหนสลิงไปตามเส้นทางธรรมชาติ ผ่านทั้งป่าเขา และ “แม่น้ำซอง” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของวังเวียง เพราะเป็นแม่น้ำสายสำคัญไหลตัดผ่านภูเขา บ้านเรือน ทุ่งนาหล่อเลี้ยงผู้คนในพื้นที่
ซิปไลน์เป็นการวัดใจผู้เล่นอย่างหนึ่ง เพราะต้องกล้า ที่จะพาตัวเองล่องลอยไปในอากาศคล้ายกับนกบิน ความรู้สึกครั้งแรกที่พาตัวเองโหนสลิงมันจะวูบๆ และเสียวๆ ที่หัวใจ จนเผลอร้องเสียงดังออกมา เหมือนได้ปล่อยพลังเต็มที่ แต่หลังจากผ่านด่านแรกไปได้ ด่านต่อ ๆ ไปก็สบายแล้ว
“ถ้ำจัง” จุดชมวิวธรรมชาติ พักใจให้หายเหนื่อย
ภูเขาที่โอบล้อมวังเวียง เป็นภูเขาหินปูน ที่วังเวียงจึงมีถ้ำหลายแห่งให้เที่ยวชม เช่น ถ้ำนอน ถ้ำนางฟ้า ถ้ำปูคำ แต่ถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยวแล้ว จุดที่ไม่อยากให้พลาด คือ ถ้ำจัง (Jang Cave) ถ้ำขนาดใหญ่มีหินงอก หินย้อยสวยงาม อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนถึงทางไปยังถ้ำจะต้องเดินข้ามสะพานเล็ก ๆ เชื่อมสองฝั่งแม่น้ำซอง ในระหว่างนี้สะพานข้ามแม่น้ำซองโดนน้ำพัดเสียหาย การข้ามไปถ้ำจังจึงต้องนั่งเรือข้ามฟาก ทำให้ได้อรรถรสในการเที่ยวชมไปอีกแบบ
ระหว่างทางเดินเข้าไปในถ้ำ จะมีสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านออกมาจากถ้ำตลอดเวลา ทำให้อากาศในถ้ำจังเย็นสบายและไม่มีกลิ่นเหม็นอับชื้น ภายในถ้ำกว้างใหญ่ และทางเดินที่สร้างไว้เป็นอย่างดี มีหินงอกหินย้อยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัมมนต์เสน่ห์ของถ้ำจังที่สวยงามตระการตา
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นถ้ำจังไป ค่อนข้างยากสำหรับผู้สูงอายุ เพราะต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความชันถึง 147 ขั้น แต่ถ้าขึ้นไปได้แล้ว เมื่อมองลงมาข้างล่างจะได้เห็นทัศนียภาพของแม่น้ำซอง และเมืองวังเวียงที่สวยงามจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
"ถ้ำจัง" จุดเช็คอิน วังเวียง สปป.ลาว
เล่นน้ำให้ชื่นใจที่บลูลากูน หรือชมวิถีชาวบ้านในตลาดวังเวียงก็เพลิน
สถานที่ท่องเที่ยวในวังเวียงยังมีอีกหลายแห่ง ส่วนใหญ่ที่แนะนำกันว่า “ห้ามพลาด” จะเป็นการพาไปขึ้นบอลลูน ชมทัศนีย์ภาพแบบ Bird eye view หรือไปเล่นน้ำชุ่มช่ำ ขับรถวิบาก ที่ “บลูลากูน” ( Blue Lagoon)
แต่ถ้าอยากชมวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง แนะนำให้ไปเดินตลาดยามเช้า เพราะ “ตลาดวังเวียง” ไม่เหมือนกับตลาดบ้านเรา ที่นี่จะเป็นเพียงแค่ชาวบ้านนำของมาขายริมถนน 2 ฝั่ง ของที่นำมาขายส่วนใหญ่วัตถุดิบในการปรุงอาหาร ผักสด ที่เราไม่ค่อยคุ้นตา เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ตั้งแต่ ปลาสด ๆ ที่หาได้จากแม่น้ำซอง หรือสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ อย่างกระรอก กระแต กบ เขียด และปูนา รวมถึงอาหารพื้นบ้านที่ปรุงสุกแล้ว
การได้เยี่ยมชมตลาดสด เป็นสถานที่ต้องปักหมุดไว้เลย เพราะเป็นสถานที่เดียวที่จะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น อาหาร การกิน และได้ทักทายชาวบ้าน พูดคุยด้วยภาษาที่สื่อสารกันรู้เรื่อง เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้เยือนที่วังเวียงแห่งนี้
“ตำบักหุ่ง-ตำหลวงพระบาง” มื้อเด็ดที่ต้องลอง
ส่วนอาหารการกินในวังเวียง คล้ายกับอาหารอีสานบ้านเรา แต่จะมีความเป็นออริจินอลมากกว่า สำหรับผู้เขียนหลงใหลในตำบักหุ่ง กับตำหลวงพระบางอย่างหัวปักหัวปำเลยทีเดียว เพราะส้มตำที่นี่มีความละมุนของปลาร้าที่แตกต่างจากบ้านเรา กลิ่นปลาร้าที่หอม ไม่ฉุน คลุกเข้ากันนัวกับมะละกอสับ ตามด้วยพริกลาวที่มีความเผ็ดร้อนมากกว่าพริกขี้หนูหรือจินดา รสชาติเข้มข้น เปรี้ยว เค็ม พอดี เรียกว่ากลมกล่อม ทานกับข้าวเหนียว หรือขนมจีน แซ่บหลาย ๆ
ด้วยมนต์เสน่ห์ของ “วังเวียง” ที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะไปนั่งจิบชากาแฟชมธรรมชาติ หรือไปเล่นน้ำ ปีนเขา ที่นี่นับว่าตอบโจทย์กับสายเที่ยวทุกคน แถมการเดินทางยังสะดวกบาย ใช้งบน้อย สถานที่แห่งนี้จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด-19 ที่สถานการณ์กำลังคลี่คลายลงแล้ว