ชวนไหว้พระ 10 วัดดังในกรุงเทพฯ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ชมสถาปัตยกรรมงดงาม พร้อมรับพรอันเป็นมงคลให้ได้รับสิ่งดีๆ ตลอดทั้งปี
ในช่วงวันหยุดยาวนี้ ชวนมาเที่ยววัดสวยๆ รอบกรุงเทพฯ สะสมแต้มบุญกันสักหน่อย เพื่อให้สะพานบุญช่วยเปิดทางนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาตลอดทั้งปี และขจัดเรื่องราวร้ายๆ ต่างๆ ที่ผ่านมาให้ผ่านพ้นไป ทีมข่าวนิวมีเดีย พีพีทีวี จึงได้รวบรวม 10 วัดดังในกรุงเทพมหานคร ที่เชื่อกันว่าใครที่ได้ไปสักการะจะได้รับพรอันเป็นเสิริมงคล ทั้งในเรื่องการงาน ความสำเร็จ การเดินทาง และการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รับรองว่าปีใหม่นี้จะมีเรื่องราวดีๆ รอเราอยู่!

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2325 ภายในประดิษฐาน “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย วัดแห่งนี้จึงจัดว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยด้วยเช่นกัน จึงเชื่อกันว่า ใครที่ได้มากราบไหว้สักการะที่นี่จะมีจิตใจที่บริสุทธิ์สะอาด ดุจพระรัตนตรัย
- พิกัด : ถนนหน้าพระลาน พระบรมมหาราชวัง พระนคร กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.30-15.30 น.
- ค่าเข้าชม : คนไทยฟรี ต่างชาติคนละ 500 บาท
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดระฆัง
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดโบราณที่มาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมใช้ชื่อว่า “วัดบางหว้าใหญ่” ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงยกให้เป็นพระอารามหลวง กระทั่งเมื่อมีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัดในสมัยรัชกาลที่ 1 จึงถูกเรียกว่า “วัดระฆัง” ตั้งแต่นั้นมา
วัดแห่งนี้ นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ด้วยพระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 มีลายหน้าบันเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ และภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสำคัญๆ จำนวนมาก
รวมถึงยังเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงเรียกว่า “พระประธานยิ้มรับฟ้า” หลังจากที่เห็นความสง่างามขององค์พระ จนพูดกับผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเดินเข้าประตูโบสถ์คราใด พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที”
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (สี) ในสมัยรัชกาลที่ 1 และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยการขุดพบระฆังในบริเวณพระอารามหลวงในแห่งนี้ จนกลายเป็นชื่อเรียกนั้น มีความเชื่อว่า การมาไหว้พระวัดระฆังจะทำให้ “มีคนนิยมชมชื่น ชื่อเสียงโด่งดังตลอดทั้งปี”
- พิกัด : 250 ถนนอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.
- ค่าเข้าชม : เข้าฟรีทั้งคนไทยและต่างชาติ

วัดอรุณราชวราราม ราชวรวิหาร หรือ วัดแจ้ง
เชื่อกันว่า “อยากให้ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน” ต้องมาไหว้วัดอรุณราชวรราม ราชวรวิหาร หรือ วัดแจ้ง ด้วยความหมายของชื่อนี้ และวัดนี้ยังเป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก จึงเป็นวัดที่ได้รับความเคารพมากที่สุดแห่งหนึ่ง
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นภายในวัด คือ พระปรางค์ ซึ่งประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามเบญจรงค์และเปลือกหอย และ รูปปั้นยักษ์ ซึ่งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับยักษ์วัดแจ้งแห่งนี้คู่กับยักษ์วัดโพธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ว่าเดิมเคยเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งยักษ์วัดโพธิ์มาขอยืมเงิน แต่สุดท้ายเบี้ยว ยักษ์วัดแจ้งทนไม่ไหว จึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาทวงเงิน แต่เพราะรูปร่างใหญ่ เมื่อต่อสู้กัน ทำให้ต้นไม้บริเวณนั้นถูกเหยียบย่ำจนโล่งเตียน ครั้นเมื่อพระอิศวร (พระศิวะ) ได้ทราบเรื่องราวการต่อสู้กัน จึงได้ลงโทษโดยการสาปให้ยักษ์ทั้ง 2 กลายเป็นหิน แล้วให้ยักษ์วัดโพธิ์ ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าพระอุโบสถ วัดโพธิ์ และให้ยักษ์วัดแจ้ง ทำหน้าที่ยืนเฝ้าพระวิหาร วัดแจ้ง เรื่อยมา
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อย่างพระอุโบสถ ซุ้มประตูยอดมงกุฎ หอระฆัง ภูเขาจำลอง และพระพุทธรูปต่าง ๆ ที่สวยงาม
- พิกัด : 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.
- ค่าเช้าชม : คนไทยเข้าฟรี ต่างชาติคนละ 50 บาท

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
หนึ่งในวัดที่ต้องมาขอพร “ให้เดินทางแคล้วคลาดลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี” วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารเป็นอีกหนึ่งในวัดศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพฯ
ภายในประดิษฐาน “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือ “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารชัยองค์ใหญ่ ซึ่งได้รับการสักการะอย่างมากจากหมู่ชาวจีน จนมีชื่อเรียกแบบจีนว่า “ซำปอฮุดกง” หรือ “ซำปอกง”
นอกจากนั้นยังมีหอมณเฑียรธรรมเถลิงพระเกียรติเป็นที่เก็บพระไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 4 และหน้าวิหารยังมี “ระฆังที่ใบใหญ่ที่สุดในประเทศ” อีกด้วย
- พิกัด : 71 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น.
- ค่าเช้าชม : เข้าฟรีทั้งคนไทยและต่างชาติ

วัดชนะสงครามวรมหาวิหาร หรือ วัดชนะสงคราม
อีกหนึ่งวัดที่สร้างมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยา เดิมมีชื่อว่า “วัดกลางนา” เพราะอยู่กลางทุ่งนา แต่ชาวบ้านมักจะเรียก “วัดตองปุ” หมายถึงวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ
ก่อนถูกเปลี่ยนให้เป็น “วัดชนะสงคราม” เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่ทรงมีชัยชนะ่ต่อเมียนมาทั้ง 3 ครั้ง จึงมีความเชื่อว่า “ใครที่อยากเอาชนะต่อปัญหาต่างๆ ให้มาไหว้พระที่วัดชนะสงคราม”
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ พระอุโบสถด้านในวัดมี พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์หรือหลวงพ่อปู่ ซึ่งมีพระพุทธรูป 16 องค์อยู่รายล้อมพระประธาน เพื่อสื่อถึงพุทธคุณชนะศัตรู ประดิษฐานอยู่ และทางหน้าทางเข้าอุโบสถ ก็มี ศาลาพระรูปหล่อสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
- พิกัด : 77 ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.
- ค่าเช้าชม : คนไทยเข้าฟรี ต่างชาติคนละ 50 บาท

วัดบวรนิเวศวิหาร
วัดบวรนิเวศวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชไทยถึง 4 พระองค์ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของสงฆ์แห่งแรกในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และ 9 ด้วย
ด้วยสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถที่ผสมผสานมาจากหลากหลายวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นไทย จีน และยุโรป วัดแห่งนี้จึงขึ้นชื่อเรื่องความงามทั้งสถาปัตยกรรมและจิตกรรมฝาผนัง
จุดเด่น คือ ภายในพระอุโบสถมีพระประธาน 2 องค์ที่มีความสำคัญและเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ คือ “พระพุทธสุวรรณเขต” และ “พระพุทธชินสีห์” เชื่อกันว่าใครที่ได้มาไหว้พระบวรนิเวศจะ “ได้พบแต่สิ่งดีงามในชีวิต”
- พิกัด : 248 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
- ค่าเช้าชม : เข้าฟรีทั้งคนไทยและต่างชาติ

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดสุทัศน์
ขึ้นชื่อว่า “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดสุทัศน์” พระอารามหลวงชั้นเอก และยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8 ตั้งอยู่ในเขตพระนครใน โดยมีเสาชิงช้า ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่หน้าวัด
ใครที่มา ต่างต้องไปสักการะ “พระศรีศากยมุนี” ซึ่งเป็นพระประธานสำริดขนาดใหญ่ในพระวิหารหลวง และเยี่ยมชมพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าใครที่ได้มาไหว้ “จะมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป” เหมือนชื่อของวัด
นอกจากนี้บริเวณรอบๆ พระวิหารและพระอุโบสถมีเครื่องศิลาจีนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเก๋งจีน ตุ๊กตาจีน สัตว์ในหิมพานต์ และสัตว์ในเทพนิยายจีน เรียกได้ว่าไหว้พระกันเสร็จแล้วก็เดินมาชมความงามรอบๆ วัดได้เลย
- พิกัด : 146 ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.
- ค่าเช้าชม : เข้าฟรีทั้งคนไทยและต่างชาติ

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์
“อยากมีชีวิตที่ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร” ให้มาไหว้พระที่ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์”
ไม่เพียงแต่เป็นวัดคู่บ้านเมืองมาช้านาน วัดโพธิ์ยังเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 และในอดีตยังเป็นที่เก็บรวบรวมตำราจารึกหลายแขนง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชน วัดโพธิ์จึงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย และยังได้ขึ้นทะเบียนจากทางยูเนสโกให้เป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีพระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัดโพธิ์ ก็คือรูปปั้นฤๅษีดัดตน ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งหมด 24 ท่า ทำให้วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับการนวดแผนไทยที่โด่งดังมากอีกด้วย
- พิกัด : 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.30 น.
- ค่าเช้าชม : คนไทยเข้าฟรี ต่างชาติคนละ 100 บาท

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร
วัดเบญจมบพิตร มีความหมายว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์ ทำให้เชื่อกันว่า ใครที่ได้มาไหว้จะมี “หน้าที่การงานราบรื่น ประสบความสำเร็จ”
พระอุโบสถด้านในวัดประดิษฐานพระพุทธชินราชที่จำลองมากจากพิษณุโลก และบริเวณระเบียงด้านหลังพระอุโบสถเรียงรายไปด้วยพระพุทธรูปโบราณปางต่างๆ ทั้งหมด 52 องค์
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นระเบียบ จนได้รับการยกย่องว่า เป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง และยังประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในชื่อ "Marble temple” ใครที่ได้มาไหว้พระที่วัดเบญจมบพิตรนอกจากจะได้บุญแล้ว ยังได้ชมความงดงามของวัดอีกด้วย
- พิกัด : 69 ถนนพระรามที่ 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
- ค่าเข้าชม : คนไทยเข้าฟรี ต่างชาติคนละ 20 บาท

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือ วัดภูเขาทอง
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ วัดภูเขาทอง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อ "วัดสะแก" ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระราชทานนามว่า "วัดสระเกศ"
ส่วนจุดเด่น คือ “พระบรมบรรพต” หรือ “ภูเขาทอง” เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมี หลวงพ่อดุสิต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และ หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปที่อยู่คู่กับภูเขาทองมาอย่างยาวนานด้วย
เชื่อกันว่าใครที่ได้มาไหว้พระวัดนี้ “จะช่วยเสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล” ถือได้ว่าจะนำพาเรื่องราวดีๆ ให้เกิดขึ้นต้อนรับเทศกาลปีใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
- พิกัด : 344 ถนนจักรพรรดิพงษ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
- เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
- ค่าเข้าชม : คนไทยเข้าฟรี ต่างชาติคนละ 50 บาท

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ททท. และ MUSEUM THAILAND