เดือนกุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎรได้รับการร้องเรียนว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งใน จังหวัดตาก ขายกากแร่สังกะสี และกากแร่แคดเมียมที่ถูกฝังกลบในจังหวัด จำนวนนับหมื่นตัน โดยถูกส่งต่อให้กับอีกบริษัทที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร
จากการสืบสวนขยายผล จนสืบทราบว่า “กากแคดเมียม” ถูกนำไปเก็บไว้บริษัทแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนกว่า 2,440 ตัน
การตรวจพบดังกล่าว ยังนำไปสู่ประกาศห้ามไม่ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า “กากแคดเมียม” เป็นโลหะอันตราย เสี่ยงที่จะกระทบสุขภาพประชาชน
แคดเมียม Cadmium (Cd) เป็นโลหะหนัก เป็นสารพิษอันตรายต่อสุขภาพ หากสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย สะสมอยู่ที่ปอด ตับ และไต อาจทำให้เกิดพิษโดยไม่รู้ตัว
อาการเป็นพิษจากแคดเมียม ส่งผลให้คลื่นใส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ระคายเคืองหลอดลม จมูก ลำคอ เกิดถุงลมโป่งพอง เป็นพิษต่อไต และอันตรายถึงขั้นกระดูกผุ พรุน เป็นโรคอิไต อิไต
5 เมษายน 2567 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมมีคำสั่งให้ทำการขนย้ายโลหะอันตรายกลับพื้นที่ นอกจากนั้นยังมีคำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากมาช่วยราชการ
"กากแคดเมียม" 1.3 หมื่นตันถูกพบในโกดัง 6 แห่ง 3 จังหวัด
จากการตรวจสอบพบว่า มีการทำเอกสารขอเคลื่อนย้าย “กากแคดเมียม” จากต้นทางจังหวัดตากกว่า 13,000 ตัน ต่อมามีการตรวจพบว่า โลหะอันตรายนี้ถูกขนย้ายไปอยู่ในโรงงาน 6 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพฯ ดังนี้
- บริษัทพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 6,151 ตัน ถูกพบวันที่ 4 เมษายน 2567
- พื้นที่โรงเรือน ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี น้ำหนักประมาณ 4,391 ตัน ถูกพบวันที่ 6 เมษายน 2567
- โรงงานแห่งหนึ่งใน ต.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหล่อหลอมทองแดง และตะกอนทองแดง พบกองกากแคดเมียม กระจายอยู่จำนวนกว่า 1,005 ตัน ถูกพบวันที่ 7 เมษายน 2567
- บริษัทพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพิ่มอีก 717 ตัน ถูกพบวันที่ 10 เมษายน 2567
- บริษัทพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ในย่านถนนประชาราษฎร์ แขวงและเขตบางซื่อ จำนวน 150 ตัน บรรจุในถุงบิ๊กแบ๊กจำนวน 98 ถุง ถูกพบวันที่ 10 เมษายน 2567
- โกดังย่านคลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จำนวน 534 ตัน ถูกพบวันที่ 10 เมษายน
วันเดียวกันบริษัทในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นต้นทางหลุมฝังกลบ “กากแคดเมียม” ออกจดหมายชี้แจง พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อยุติหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อคลายความกังวลต่อสาธารณชน
ต่อมามีการออกหนังสืออีกฉบับ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขาย “กากแคดเมียม” ให้อีกบริษัทในจังหวัดสมุทรสาคร ภายหลังที่มีการขนย้ายออกจากจังหวัดตาก บริษัทต้นทางได้รับหลักฐานยืนยันว่ามีการ การบำบัดและการกำจัดโลหะอันตรายตามเงื่อนไขในสัญญา
ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม พบการขนย้ายกากแคดเมียมจากโรงงานต้นทางที่จังหวัดตาก กระจายไปหลายที่ โดยมีจุดหมายปลายทางคือการส่งออกนอกประเทศ
สารพัดอุปสรรค ขน "แคดเมียม" กลับหลุมฝังกลบ
12 เมษายน 2567 กระทรวงอุตสาหรรม เริ่มทำแผนขนย้าย “กากแคดเมียม” กลับไปจุดฝังกลบที่จังหวัดตาก โดยแรกเริ่มมีมติเตรียมขนย้ายหลังสงกรานต์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางช่วงวันหยุดยาว
พร้อมกันนั้นยังมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบ โดยพบ “กากแคดเมียม” เป็นส่วนผสมในโลหะหนัก 30-48% จึงเป็นกากตะกอนรี่ได้รับการปรับสภาก ลดความเป็นพิษ จึงมีความอันตรายและโอกาสการเข้าสู่ร่างกายที่ลดลง
29 เมษายน 2567 เริ่มทดสอบการขนย้ายเสมอนจริง “กากแคดเมียม” จะถูกบรรจุในถุง 2 ชั้น (Double Bag) โดยขนย้ายด้วยรถบรรทุก 2 ประเภท คือ รถพ่วง-คอก และ รถเทรลเลอร์-ท้ายเรียบ คาดว่าจะบรรทุกได้ 20 ถุงต่อคัน หรือจะสามารถขนย้ายได้ 450 ตันต่อวัน โดยมีการรายงานทุกความเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ https://cadmium.industry.go.th/web/
30 เมษายน 2567 เริ่มต้นการขนย้าย “กากแคดเมียม” ล็อตแรก รวม 254.36 ตัน เดินทางมาถึงจังหวัด และพบปัญหาเกิดขึ้นทันที หลังกระบวนการขนลำเลียงยกถุงไม่สมดุล ทำให้โซ่ขาด ทำให้ถุงร่วงหล่นลงบนกระบะของรถบรรทุก เป็นเหตุให้ต้องสั่งหยุดขนย้ายทันที เพื่อทดสอบกระบวนการลำเลียงให้มีความเสถียร
1 พฤษภาคม 2567 ทีมขนย้ายเปลี่ยนไปใช้แผนสำรอง โดยปรับใช้สลิงผ้าใบในการยกถุง และใช้รถบรรทุกติดเครน หรือ รถเฮี้ยบ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งหรือขนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่
17 มิถุนายน 2567 ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ทำการขนย้าย “กากแคดเมียม” กลับจังหวัดตากแล้ว 77% หรือ 10,042 ตัน โดยยืนยันว่าจะทำการขนย้ายทั้งหมดเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน
10 กรกฎาคม 2567 กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศว่าการขนย้าย “กากแคดเมียม” กลับคืนสู่หลุมฝังกลบจังหวัดตาก ได้ทำการเสร็จสิ้นแล้ว 100% รวม 12,912 ตัน โดยภาพรวม มีการขนย้ายผ่านรถบรรทุก รถตู้คอนเทรนเนอร์ที่ปิดคุลมมิดชิด รวม 443 เที่ยว รวมระยะเวลา 50 วัน
28 พฤศจิกายน 2567 ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อติดตามภาพรวม หลังทำการขนย้าย “กากแคดเมียม” แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยยืนยันว่า ได้ทำความสะอาดและส่งคืนพื้นที่ทุกแห่ง ส่วนหลุมฝังกลบ ไม่พบการรั่วซึมแต่อย่างใด
นอกจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการการทำงานกันอย่างใกล้ชิดในการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษอย่างเด็ดขาด โดยศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก และปรับผู้กระทำความผิดแล้วในบางคดี
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการขนย้าย “กากแคดเมียม” นับเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต