แจกพิกัดแอ่วน่านรอบตัวเมือง ย่านเดียวที่มีที่เที่ยวหลากหลาย ได้ทั้งไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทานอาหารพื้นเมือง และช้อปปิ้งของดีประจำจังหวัด ให้ได้ไปสัมผัสเสน่ห์สโลว์ไลฟ์
น่าน เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวมากมาย เที่ยวจุดหนึ่งสามารถท่องเที่ยวได้หลากหลาย มีกิจกรรมมากมาย ถ้าได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศไปนานๆ เชื่อว่าทุกคนจะได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอน แต่ถ้ารีบเร่งแล้ว ก็เหมือนทำอะไรยังไม่หมด พลาดอะไรไปบางอย่าง ดังนั้นแล้วใครที่อยากหาความสงบ ได้อยู่กับตัวเองมากยิ่งขึ้น น่านคือเมืองที่จะทำให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ “สโลว์ไลฟ์” ที่แท้จริง
ผ่านแล้ว! เที่ยวด้วยกันเฟส 5 ไฟเขียวงบกลางปี 66 คาดเริ่ม ก.พ.นี้
เทรนด์เที่ยวปี 66 ตัดขาดจากโลกภายนอก
แต่จะเที่ยวที่ไหนดีนั้น เราได้ลองรวบรวมที่เที่ยวรอบตัวเมือง ฉบับคนไม่มีรถก็เที่ยวได้ เพราะเดินทางได้ง่ายๆ มาฝากกัน
เอราบิก้า คอฟฟี่ น่าน
เดินทางออกมาจากสนามบิน สำหรับคอกาแฟสด แนะนำให้มาที่ “Erabica Coffee” เป็นที่แรกเลย จะเรียกพี่วินหรือพี่โชเฟอร์แกรบคาร์ก็ได้ เพียง 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ที่ที่ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์แหล่งดื่มกาแฟของจังหวัดน่าน เพราะทางร้านเลือกใช้กาแฟดอยเดียว คือ เมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียวกันทั้งหมด โดยไม่มีการนำเมล็ดกาแฟจากที่อื่นมาผสมปน ซึ่งคัดมาจาก ดอยสวนยาหลวง อำเภอท่าวังผา
ถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาแท้ 100% กาแฟที่มีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟโรบัสต้าถึงเกือบ 2 เท่า อีกทั้งยังมี Chlorogenic สารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดดูดซึมกลูโคสเข้าสู่ร่างกายด้วย
นอกจากนี้ทุกเมนูของร้าน จะใช้แต่น้ำตาลอ้อยอินทรีย์ ที่ให้ความหวานเท่ากับน้ำตาลแบบเดิมที่เราใช้กัน แต่ดีต่อสุขภาพมากกว่า เพราะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล รวมถึงถ้วยกาแฟสำหรับพกพาออกนอกร้าน ก็ยังทำมาจากวัสดุที่ย่อยสลายง่ายอีกด้วย รสชาติของกาแฟที่นี่จึงละมุน กลมกล่อม และมีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร
นั่งรถรางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง
ดื่มกาแฟกันเสร็จเรียบร้อย วางกระเป๋าเช็กอินแล้ว ที่เที่ยวใกล้ๆ ตัวเมืองไม่ไกล ที่เที่ยวได้เยอะแนะนำให้มานั่งรถรางที่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เทศบาลเมืองน่าน” หากเดินทางเองแล้วเรียกพี่วินประจำโรงแรมมารับ เขาคิดราคาประมาณ 40 บาท ก็ถึงแล้ว
ซื้อบัตรนั่งรถรางกันแล้ว สถานที่รถรางจะพาไป คือ
- วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ที่ประดิษฐานองค์พระธาตุเจดีย์ช้างคำ และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
- วัดมิ่งเมือง วิหารสีขาวสว่างสดใสที่ตั้งของ “เสาหลักเมืองน่าน”
- วัดศรีพันต้น วิหารสีทองอร่าม ที่มีพญานาคาเจ็ดเศียรคอยเฝ้า และภายในวันยังมีโรงเก็บเรือยาวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองน่าน ชื่อว่า “พญาฆึ” ซึ่งจะลงน้ำเพียงปีละครั้ง เพื่ออัญเชิญถ้วยพระราชทาน รางวัลชนะเลิศการแข่งเรือในน่าน ในช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น
- วัดหัวข่วง วัดใจกลางเมืองที่เดิมตั้งไว้ทำพิธีต่างๆ ตามหลักการสร้างเมืองแบบล้านนาโบราณ โดยพระวิหารตั้งตรงกับวิหารวัดภูมินทร์ แต่พระประธานในวัดนี้ไม่ได้ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง จะเยื้องหลบอยู่ด้านซ้าย เพราะว่าไปตรงกับพระประธานวัดภูมินทร์นั่นเอง
- วัดสวนตาล วัดที่ประดิษฐาน “พระเจ้าทองทิพย์” พระพุทธรูปองค์สำคัญที่ชาวน่านนับถือ และมีบ่อน้ำทิพย์ที่ใช้ในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และใช้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10
- ศาลเจ้าปุนเถ่ากง ศูนย์รวมจิตใจของชาวน่านเชื้อสายจีนที่มีอายุยาวนานมานับ 100 ปี
- วัดหัวเวียงใต้ อีกวัดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่สร้างโดยชาวเมียนมา ภายในประดิษฐานพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขนาดเท่าเมล็ดผักกาด จำนวน 9 ดวง และยังมีกำแพงวัดเป็นรูปพญานาคเลื้อยอยู่ 2 ตัว อายุกว่าร้อยปีด้วย
วัดมิ่งเมือง
วัดสวนตาล
วัดภูมินทร์
นั่งรถรางมาจนครบรอบ กลับเข้ามาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกครั้ง เดินเลี้ยวซ้ายออกจากศูนย์บริการฯ ไม่ถึง 100 เมตร เราจะเห็นวัดภูมินทร์ ไฮไลต์จังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดัง “กระซิบรัก” จนหลายคนมักคิดว่าเป็นวัดหลวง หรือวัดประจำจังหวัด
แน่นอนว่าพูดถึงวัดแห่งนี้ จุดเด่นที่เลื่องลือกัน คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง แต่ไม่ได้มีเพียงภาพจิตรกรรม “กระซิบรัก” (ปู่ม่านย่าม่าน) หรือภาพชายนำมือมาเกาะที่ไหล่ผู้หญิงและแสดงท่าทางกระซิบกระซาบที่หู ทำนองหยอกล้อ บอกรักต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความรักที่ฝ่ายชายมีให้ต่อฝ่ายหญิง ซึ่งแสดงออกไปในแนวทางที่น่ารัก ไม่ได้มีการแสดงออกไปในทางชู้สาว ซึ่งแตกต่างไปจากจิตรกรรมอื่นๆ ที่หลายคนอาจเคยเห็นอยู่บ่อยๆ อย่างภาพจูบ ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดในด้านขององค์ประกอบและอารมณ์
ถัดมาอีกยังมีภาพ “โมนาลิซ่าเมืองน่าน” ซึ่งเป็นภาพของสาวงามเมืองน่านชื่อว่า นางสีไว กำลังยกมือเกล้ามวยผมและตกแต่งมวยผมด้วยดอกไม้ เปลือยอก มีเพียงผ้าพาดคอปล่อยชายไปด้านหลัง ทำให้เห็นลักษณะการแต่งกายของหญิงที่มักจะสวมผ้าซิ่นน้ำไหล
แล้วก็มีภาพแสดงถึงการเดินทางไปยังเมืองหลวง ที่รายล้อมไปด้วยกำแพงเมืองติดริมแม่น้ำ โดยมีเรือของต่างประเทศจอดเทียบท่าอยู่ และมีชายแต่งกายเหมือนชุดต่างประเทศ สวมหมวก และถือปืนเดินเข้าไปในเขตพระราชฐาน
อย่างไรก็ตามมีความเชื่อของชาวน่านกันว่า หากคู่รักใด ได้เดินลอดซุ้มพญานาคคู่ขวัญที่อยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ แบบทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ แล้วเดินมาขอพรจากปู่ม่านย่าม่าน ความรักของทั้งคู่นั้นจะยาวนานและยั่งยืน และถ้าอธิษฐานเพื่อเช็กว่าคู่รักที่เราคบอยู่นี้ คิดจริงจังหรือรักเราจริงๆ หรือไม่ หากไม่ใช่แล้ว ปู่ม่านย่าม่านจะส่งสัญญาณให้ผู้อธิษฐานนั้นได้เห็นความจริง
จิตรกรรมฝาผนังกระซิบรัก
โมนาลิซ่าน่าน
จิตรกรรมแสดงถึงการเดินทางไปเมืองหลวง
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน
เดินออกมาจากวัดภูมินทร์แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปประมาณ 500 เมตร จะเจอกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัด ภายในจัดแสดง ศิลปะ โบราณวัตถุต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “งาช้างดำ” ซึ่งไม่ทราบประวัติความเป็นมาที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า เป็นงาข้างซ้าย มีลักษณะสีน้ำตาลเข้มไปทางดำ แต่สมัยก่อนยังไม่มีคำว่าสีน้ำตาล มีแค่คำว่าสีดำ ชาวน่านในอดีตเลยเรียกกันว่า “งาช้างดำ” ซึ่งวางตั้งอยู่บนพญาครุฑที่แกะสลักจากไม้สักต้นเดียว
มีความเชื่อว่าพญาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์ภูคา ได้ทำพิธีสาปแช่งเอาไว้ ให้งานช้างดำนี้ห้ามไม่ให้ผู้ใดนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว และต้องไว้ที่วังของเจ้าผู้ครองนครเท่านั้น เมื่อผู้ครองน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงได้พร้อมใจกันมอบงาช้างดำกิ่งนี้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดินสืบไป ด้วยเหตุนี้งาช้างดำจึงกลายเป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป
ศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป
เที่ยวในตัวเมืองทั้งหมด ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันแล้ว สำหรับใครที่มองหาของฝากติดไม้ติดมือกลับไปบ้าน ชาวบ้านเมืองน่านแนะนำว่า ถ้าไปท่องเที่ยวในตัวเมืองแล้วทั้งที ให้ซื้อได้ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอปเลย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณวัดภูมินทร์และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านพอดี
เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมของที่ระลึกที่มาจากชาวบ้านเมืองน่านแท้ๆ เลย มีทั้งเมล็ดกาแฟ ยาดม พวงกุญแจ เครื่องเงิน ส้มสีทอง ของแห้ง เช่น กระท้อนลำไยอบแห้ง แคปหมู รวมถึงเสื้อผ้า ผ้าถุง กระเป๋า หรือกิ๊ฟชอป มีให้เลือกมากมาย รับรองว่านักท่องเที่ยวจะได้ของฝากจากทั่วเมืองน่านอย่างแน่นอน
กาแฟไร่ดอยน่าน
ร้านกาแฟข้างศูนย์แสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป ที่รวบรวมกาแฟจากชาวไร่และเกษตรกรชาวน่านทั่วเมือง มาให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันผ่านการคั่วเองกับมือ และนำมารังสรรค์อย่างพิถีพิถันเป็นเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาโน คาปูชิโน่ ลาเต้ เอสเปรสโซ่ ที่เราสามารถบอกบาริสต้าได้ว่าชอบกาแฟคั่วเข้ม คั่วกลาง หรือคั่วอ่อน มีรสออกเปรี้ยว ขม หรือหวานละมุนได้ เพราะเจ้าของบอกว่าอยากให้ทุกคนได้มาลองชิมกาแฟดีเมืองน่าน
ร้าน Arpo De Nan
มาเมืองน่านทั้งที หิวๆ ก็ต้องกินข้าวซอย ร้านข้าวซอยที่เราได้มีโอกาสไปลอง ต้องบอกเลยว่าไม่เหมือนที่ไหน เพราะนอกจากจะมีข้าวซอยรสกลมกล่อมกับน่องไก่ชิ้นใหญ่ๆ ที่คุ้นเคยแล้ว ร้านนี้ยังให้เครื่องเคียง เป็นผักดอง มะนาว หอมแดง แล้วก็ยังมีผักดองรสหวานคล้ายอาจาดอีก 1 ถ้วยด้วย พอนำมาคลุกเคล้ากันแล้วช่วยตัดเลียนได้ดีจริงๆ แถมยังอร่อยไม่ซ้ำใคร
ส้ม-กาแฟ ของดีประจำจังหวัด
นอกจากแคปหมู น้ำพริกอ่อง ของขึ้นชื่อในภาคเหนือ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องส้ม ด้วยพื้นที่และสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มเกษตรกรของที่นี่หลากหลายเจ้าได้รวมตัวกันและปรับวิธีการปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด ค้นหาเทคนิควิธีใหม่ๆ ที่ทำให้รสชาติอร่อย แถมยังรักษ์โลก ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทำให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นส้มสีเหลืองทอง เปลือกบางฉ่ำน้ำ เนื้อสีส้มสดใส รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือที่เรียกว่า “ส้มสีทอง” กลายเป็นของดีประจำจังหวัด ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ แนะนำอีกว่า “เมล็ดกาแฟเมืองน่าน” ก็รสชาติดีไม่แพ้ใคร ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมประกอบกับการมีกลุ่มเกษตรกรกาแฟที่เหนียวแน่น ที่คอยพัฒนาเมล็ดพันธุ์อยู่ตลอด ทำให้กาแฟจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้คนน่านเป็นอันดับต้นๆ ทั้งจากการปลูกกาแฟ การคั่วเมล็ดกาแฟ ตลอดจนการเปิดร้านกาแฟ และการมีแบรนด์กาแฟเป็นของตัวเองที่หลายคนรู้จัก เช่น Erabica หรือ กาแฟไร่ดอยน่าน เป็นต้น ดังนั้นอย่าลืมซื้อไปฝากคนที่เรารักกัน
เที่ยวสุพรรณบุรี ชมวิวสวยริมเขื่อน กางเต็นท์ดูดาวใกล้กรุง
ปักหมุดเที่ยว "พัทยา" ชมไร่องุ่น ดูวิวสวยในปราสาทไม้ใหญ่ที่สุดในโลก